บทความโดย พญ.สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ https://www.doctorbreastfeeding.com/
เต็มไปแล้ว 1 ตู้ค่ะ ต้องไปถอยตู้ใบที่ 2 มาเตรียมเอาไว้ ทั้งๆที่คุณเอ๋ไม่ได้ซีเรียสปั๊มนมบ่อยๆ เพราะเน้นให้ลูกดูดเต้าเพื่อความอบอุ่นที่ดีที่สุด ฝึกให้กินขวดแค่วันละครั้งเดียว เพื่อให้น้องภูเรียนรู้รสชาตินมสต๊อกเอาไว้ คุณเอ๋ฝากบอกว่า ให้ลูกดูดเต้า ไม่ต้องกลัวเสียทรงนะคะ คุณเอ๋คอนเฟิร์มค่ะ
ปล.เต้านมเสียทรงเกิดจาก
1.ไม่ใส่เสื้อในที่เหมาะสม
2. ปล่อยน้ำนมคัดเต้าบ่อยๆ จะทำให้ผิวหนังขยายตัวมากเกินไป
3. การหยุดให้นมแบบทันทีทันใด ไม่ใช่แบบค่อยเป็นค่อยไป เหมือนกับคนที่เคยอ้วนมากๆ แล้วลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว ผิวหนังจะเหี่ยวย่น แต่ถ้าลดแบบช้าๆ ผิวหนังจะมีความตึงตัวดีกว่า
#นมสต๊อก ควรมีมากน้อยเพียงใด
"เห็นหลายๆคนเป็นคุณแม่ฟลูไทม์ แต่ก็ขยันปั๊มนมกัน ลงรูปโชว์นมเต็มตู้ล้นตู้ เลยสงสัยว่าที่ปั๊มๆไปจนล้นตู้ ลูกได้กินมั้ย ถ้าจากเต้าดีกว่าและขวดให้น้อยหน่อย เราก็ไม่ต้องสนันสนุนปั๊มกันขนาดนั้น เอาแค่พอให้หายคัดหรือกระตุ้นช่วงหลังคลอดเพื่อจะได้มาเยอะแค่นั้นพอมั้ยคะ เนื่องจากอ่านบางที มีแต่คนถามปั๊มเลยได้ไหมหลังคลอด ปั๊มเมื่อไหร่ดี มันจะสับสนตีกันระหว่างคนต้องกลับไปทำงานกับฟลูไทม์ คนเป็นแม่ฟลูไทม์ ควรปั๊มเยอะๆเก็บดีมั้ย ส่วนแม่ทำงานนอกบ้าน ถ้าไม่ได้มีนมสต๊อกเป็นตู้ๆ จะเลี้ยงนมแม่ได้นานหรือไม่"
แม่ทำงานนอกบ้าน ยิ่งปั๊มเก็บไว้เยอะยิ่งดี ลูกจะได้ไม่ต้องใช้นมผงเสริม เยอะในที่นี้ คือ เต็มความสามารถของตัวเอง แต่ไม่ต้องไปเปรียบเทียบกับคนอื่น หรือไปอิจฉาคนอื่นที่ได้มากกว่า แล้วเอามาเครียด หรือกดดันตัวเอง จนไม่มีความสุข เพราะมีแม่ทำงานนอกบ้านจำนวนไม่น้อย ปั๊มนมกลับมาบ้านได้เท่าๆกับปริมาณที่ลูกกินในแต่ละวัน เหมือนตำข้าวสารกรอกหม้อวันต่อวัน แต่ก็สามารถเลี้ยงนมแม่ล้วนได้นานหลายปี หากเป็นไปได้ควรปั๊มทุก 3 ชม.ทั้งกลางวันกลางคืน และดีที่สุด คือ นั่งปั๊มนมไปด้วยทำงานไปด้วยอยู่ที่โต๊ะทำงานได้เลย และที่สำคัญมากกว่าการปั๊มนมได้นมกลับบ้านมาเยอะ คือ คนที่บ้านต้องไม่ใช้นมสต๊อกเกินความจำเป็น ไม่ใช้แบบทิ้งๆขว้างๆ จำสูตรง่ายๆคือ ให้ลูกกินนมสต๊อกเวลาที่แม่ไม่อยู่ ปริมาณไม่เกินชม.ละออนซ์ ทุกช่วงอายุค่ะ เพื่อที่ลูกจะได้เก็บท้องไว้รอกินนมจากเต้า ตอนที่แม่กลับมาจากที่ทำงานแล้ว
ถ้าเราปั๊มเล่นๆแบบไม่เครียด ไม่กดดัน แต่ทว่ามีปริมาณนมสต๊อกเยอะเอง ทำได้ก็ทำไปเถอะ เพราะ เผื่อไว้หลายๆอย่าง เช่น เผื่อเราป่วย เผื่อเราไปต่างประเทศ เผื่อเราออกไปเที่ยวบ้าง โดยลูกไม่ได้ไปกับเราด้วย จะได้ไม่ต้องกังวลว่าลูกจะกินอะไร ส่วนคนที่ไม่มีสต๊อก ก็ไม่ต้องมาเครียดหรือกดดันตัวเอง ไม่มีสต๊อก ถ้าเกินหกเดือนก็ให้กินข้าวแทนมื้อนมได้ หากไม่อยากให้ลูกกินนมผง
ส่วนคนที่ปั๊มนมได้น้อย บางครั้งก็ต้องวิเคราะห์ตัวเราเองด้วยว่า ที่เราปั๊มได้น้อยกว่าเขา ทั้งๆที่เราอยากมีเยอะๆเหมือนเขา เป็นเพราะเราทำถูกทางหรือยัง เราขยันเท่าเขาหรือยัง เราตื่นมาปั๊มตี 3 เหมือนเขาหรือยัง เพราะฮอร์โมนสร้างน้ำนมจะหลั่งดีตอนช่วงตี 2-3 ไม่ใช่เอาแต่อิจฉาเขาแล้วมาคร่ำครวญว่า แม่ๆที่มีสต๊อกเยอะ อย่าเอารูปสต๊อกเยอะๆมาโชว์ในเฟสบุ๊คทำร้ายจิตใจกันเลย
แม่ฟลูไทม์ ถึงไม่ได้ปั๊มนมเลย ก็สามารถให้นมลูกได้ยาวนานจนลูกโต 6-7ขวบได้ เพราะ ลูกได้ดูดกระตุ้นเต้าตลอดอยู่แล้ว แต่ถ้ามีแม่ฟลูไทม์พอมีเวลาเหลือ และมีการปั๊มนมทำสต๊อกไว้บ้าง ต้องฝึกให้ลูกได้กินนมสต๊อกจากขวดหรือถ้วยตั้งแต่ลูกอายุ 1-2 เดือน เพื่อให้ชินกับรสชาติของนมเหม็นหืน และต้องฝึกทุกวันๆละ 1-2 ครั้ง โดยคุณแม่ฟลูไทม์ต้องหลบไปไกลๆ ไปปั๊มนมให้เกลี้ยงเต้า หรือไปทำธุระส่วนตัว แล้วให้คนอื่นเป็นคนป้อนนมสต๊อก เพราะถ้าแม่เป็นคนให้นมสต๊อกเอง จะยากมากกว่าคนอื่นให้ ถึงแม้ว่าลูกร้องโวยวายไม่ยอมกิน ก็ต้องใจแข็งค่ะ ในที่สุดเมื่อลูกชินแล้ว เขาจะไม่ร้องและยอมกินเป็นกิจวัตรประจำวัน ในวันที่คุณแม่เลิกให้ดูดจากเต้าแล้ว ลูกก็ยังมีนมแม่ที่สต๊อกเก็บเอาไว้ได้กินต่ออีกหลายเดือน แต่ถ้าไม่เคยฝึกมาก่อน ลูกก็จะไม่กินนมสต๊อก ทำให้ต้องเอานมไปบริจาคหรือทิ้งไป แล้วลูกต้องไปกินนมชนิดอื่นซึ่งคุณภาพสู้นมแม่ไม่ได้
#นมแม่แช่แข็ง เก็บได้นานเพียงใด ????
"ตอนนี้ลูกอายุ 7 เดือนค่ะ ยังให้ทานนมแม่อยู่ตลอด บางครั้งปั๊มน้ำนมเกินก็เก็บใส่ตู้เย็นเอาไว้ จึงอยากทราบว่าการแช่ตู้เย็นจะลดสารอาหารในน้ำนมได้หรือไม่ และอายุของน้ำนมจะคงอยู่ได้ยาวนานเท่าไหร่ จะมีวันเสียไหมคะ"
6 เดือนแรกลูกควรกินนมแม่ล้วน ไม่เสริมอย่างอื่นเลยแม้แต่น้ำเปล่า หลังจากหกเดือน จึงเริ่มอาหารตามวัย ควบคู่กับนมแม่ ต่อไปเรื่อยๆ และสามารถให้ได้นานจนฟันแท้มา คือ อายุประมาณ 6-7 ขวบ หรือ จนกว่าน้ำนมแม่จะหมดไปเอง อย่างไรก็ดี หากนมแม่เริ่มลดลง ควรหาวิธีเพิ่มน้ำนมแม่ให้มากขึ้นโดยปรึกษาจากคลินิคนมแม่หรือเว็บไซต์ศูนย์นมแม่ (www.thaibreastfeeding.org) ก่อนที่จะพิจารณาเสริมนมผง
ไม่มีนมชนิดใดที่จะมีคุณค่าเทียบเท่ากับนมแม่ ไม่ว่าลูกจะอายุเท่าใดก็ตาม อย่าเชื่อโฆษณาอวดอ้างว่านมเหล่านั้นมีสรรพคุณใกล้เคียงกับนมแม่ ดังนั้นหากคุณแม่ยังมีน้ำนมและยังมีน้ำนมมากเกินกว่าที่ลูกกิน ควรปั๊มนมเพื่อเก็บสะสมไว้ใช้ยามที่คุณแม่ไม่อยู่บ้าน เพื่อที่ลูกจะได้ไม่ต้องกินนมผงซึ่งอาจเป็นสาเหตุของโรคภูมิแพ้และการเจ็บป่วยบ่อยในอนาคต
นักวิจัยพบว่า นมแม่ที่เก็บไว้ในตู้เย็น ถึงแม้ว่าคุณสมบัติจะไม่ดีเท่ากับนมแม่สดใหม่จากเต้าก็ตาม แต่ก็ยังมีคุณสมบัติที่ดีและมีประโยชน์มากกว่านมผงที่ชงใหม่ๆ เพราะยังคงมีเซลเม็ดเลือดขาว สารภูมิคุ้มกัน เอ็นไซม์ ฮอร์โมน สารต้านมะเร็ง ซึ่งยังทำงานได้เป็นอย่างดี และหาไม่ได้ในนมผงทุกยี่ห้อ
ระยะเวลาของนมที่เก็บเป็นดังนี้
ที่อุณหภูมิ ลบ 20 องศาเซลเซียส เก็บได้นาน 1 ปี
ที่ช่องแช่แข็งของตู้เย็น 2 ประตู เก็บได้นาน 3-6 เดือน ขึ้นกับการเปิด-ปิดบ่อยหรือไม่ และมีการเก็บร่วมกับอาหารอื่นหรือไม่
ที่ช่องแช่แข็งของตู้เย็นประตูเดียว เก็บได้นาน 1-3 เดือน ขึ้นกับการเปิด-ปิดบ่อยหรือไม่ และมีการเก็บร่วมกับอาหารอื่นหรือไม่
ที่ช่องน้ำเย็น ( แต่ไม่ใช่ที่ฝาประตู เนื่องจากจะสูญเสียความเย็นได้ง่าย) เก็บได้นาน 7 วัน
มีบางกรณีที่ตู้เย็นอาจปิดไม่สนิท หรือ ไฟดับ ทำให้มีปัญหานมละลาย แต่ยังมีความเย็นอยู่ ทันทีที่ทราบ ให้รีบเสียบปลั๊กกลับไปทำให้แข็งเหมือนเดิม แต่ถ้านมสูญเสียความเย็นไปแล้วโดยสิ้นเชิง ก็ต้องทิ้งไปเลยค่ะ กรณีที่นมแข็งครั้งใหม่นี้ อายุของนมที่เก็บจะไม่นานเท่าเดิม หากจะใช้นม จะต้องทำการชิมทุกครั้งว่าเปรี้ยวหรือไม่ ถ้าเปรี้ยวหรือไม่แน่ใจ ก็ไม่ควรนำมาให้ลูกกิน