
สัมผัสรักระหว่างแม่ลูก
เนื้อหาในบทความนี้ อาจจะยังไม่ใช่วิธีปฏิบัติทั่วๆ ไปที่พวกเราจะได้รับในการคลอดในปัจจุบันของบ้านเรา แต่อยากให้คุณแม่ทุกท่านได้อ่านไว้เป็นข้อมูล เผื่อว่าอาจจะมีบางโรงพยาบาลยินยอมปฏิบัติให้ถ้าเราลองขอดูค่ะ
มีผลการศึกษาจำนวนมากที่แสดงให้เห็นว่าในช่วงเวลาทันทีหลังจากที่ทารกคลอดออกมา ตลอดจนถึงช่วงเวลาหลังจากคลอดผ่านพ้นไปแล้ว แม่กับลูกควรจะได้อยู่ด้วยกัน และแม่ควรได้มีโอกาสกอดกระชับลูกให้ผิวของแม่แนบสัมผัสกับผิวของลูกโดยตรง (ทารกอยู่ในลักษณะถอดเสื้อผ้า ไม่ถูกห่ออยู่ในผ้า)
เพราะเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ทารกที่ได้สัมผัสกับแม่ในลักษณะนี้จะมีความสุขมากกว่า มีอุณหภูมิร่างกายที่คงที่และอยู่ในระดับปกติมากกว่า อัตราการเต้นของหัวใจและการหายใจก็สม่ำเสมอและเป็นปกติมากกว่า และยังมีระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงกว่าอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น การให้แม่ได้อุ้มลูกในลักษณะเนื้อแนบเนื้อทันทีหลังจากเกิด จะช่วยให้ทารกคุ้นเคยกับแบคทีเรียชนิดเดียวกับที่แม่มีอยู่ในร่างกาย ซึ่งเชื่อกันว่าเมื่อประกอบกับการที่ทารกได้รับน้ำนมแม่ จะมีส่วนสำคัญในการป้องกันโรคภูมิแพ้ ในขณะที่ถ้าทารกถูกนำเข้าตู้อบ ผิวหนังและภายในร่างกายจะได้รับแบคทีเรียที่แตกต่างออกไปจากที่มีอยู่ในร่างกายของแม่
ทั้งนี้ไม่เฉพาะกับในทารกที่คลอดครบกำหนดและแข็งแรงเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงทารกที่คลอดก่อนกำหนดด้วย การให้ผิวหนังของแม่สัมผัสกับลูกโดยตรงและการอุ้มทารกในท่า Kangaroo Care มีส่วนช่วยในการดูแลทารกที่คลอดก่อนกำหนดได้เป็นอย่างมาก และทำได้แม้แต่กับทารกที่ต้องได้รับการให้ออกซิเจน โดยจะช่วยให้ทารกจำเป็นต้องได้รับออกซิเจนน้อยลง และทำให้กลไกอื่น ๆ ในร่างกายคงทีมากขึ้นอีกด้วย
ในแง่ของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ทารกที่ได้รับการกอดสัมผัสแบบเนื้อแนบเนื้อกับแม่ทันทีภายหลังการคลอดเป็นเวลาอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมง มีแนวโน้มที่จะสามารถดูดนมแม่ได้เองโดยไม่จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือใด ๆ ทั้งสิ้น และมีความเป็นไปได้ที่จะดูดนมได้ดีกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่แม่ไม่ได้รับยาใด ๆ เลยในระหว่างการคลอด ทารกที่ดูดนมด้วยท่าที่ถูกต้องจะได้รับน้ำนมได้ง่ายขึ้น และยังช่วยให้แม่เจ็บหัวนมน้อยกว่า
ในกรณีที่แม่มีน้ำนมมากมายเหลือเฟือ ถึงแม้จะดูดด้วยท่าที่ไม่ถูกต้อง ทารกก็จะยังสามารถดูดน้ำนมได้เป็นจำนวนมาก เพียงแต่อาจจะต้องดูดเป็นเวลานานหรือดูดบ่อย ๆ หรือไม่ก็ทั้งสองอย่าง และแม่ก็มีแนวโน้มจะเกิดปัญหาเช่นท่อน้ำนมอุดตันหรือเต้านมอักเสบได้มากกว่า
อย่างไรก็ตาม ในช่วงสองถึงสามวันแรกน้ำนมของแม่ไม่ได้มีปริมาณมากมายนัก (แต่ก็เพียงพอสำหรับลูก) การดูดด้วยท่าที่ถูกต้องจะช่วยให้ทารกสามารถดูดเอาน้ำนมที่มีอยู่ออกมาได้ (น้ำนมยังคงมีอยู่ในเต้าถึงแม้ว่าจะปั๊มไม่ออกก็ตาม) ถ้าทารกดูดด้วยท่าที่ไม่ถูกต้อง แม่อาจจะเจ็บหัวนม และทารกที่ดูดน้ำนมได้ไม่ดีก็จะยิ่งดูดนานขึ้นและทำให้แม่เจ็บมากขึ้นไปอีก
กล่าวโดยสรุปแล้ว การให้แม่ได้กอดลูกโดยให้ผิวหนังสัมผัสกันโดยตรงทันทีหลังการคลอดเป็นเวลาอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมงจะมีผลดีต่อทารกดังนี้
ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะไม่ให้ทารกส่วนใหญ่ได้มีโอกาสสัมผัสกับแม่แบบเนื้อแนบเนื้อทันทีเป็นเวลาอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมงภายหลังการคลอด ทั้งนี้ไม่ควรไปให้ความสำคัญที่มากกว่ากับขั้นตอนปฎิบัติทั่วไปอื่น ๆ ของโรงพยาบาล เช่น การชั่งน้ำหนักทารก
ทารกควรได้รับการเช็ดตัวให้แห้งและมอบให้กับแม่ ไม่ควรมีใครพยายามผลักดันให้ทารกทำอะไร ในระหว่างนี้ยังไม่ควรมีใครพยายามช่วยให้ทารกดูดนม ส่วนแม่ ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องพยายามหาทางช่วยลูกด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง ก็ไม่ควรจะถูกขัดขวาง ควรปล่อยให้แม่และลูกอยู่ด้วยกันอย่างสงบเพื่อรับรู้ความสุขของการอยู่ร่วมกัน (อย่างไรก็ตาม ไม่ควรปล่อยให้แม่กับลูกอยู่กันตามลำพัง โดยเฉพาะกรณีที่แม่ได้รับยาระหว่างการคลอด ควรให้ทั้งคู่สมรส พยาบาล พดุงครรภ์ ผู้ดูแล หรือแพทย์อยู่ด้วย เพราะบางครั้งทารกอาจต้องการความช่วยเหลือทางการแพทย์ จึงควรจะมีบุคคลที่สามารถให้ความช่วยเหลือดังกล่าวได้อยู่ด้วยเผื่อในกรณีที่จำเป็น)
การหยอดตาและการฉีดวิตามินเคสามารถรอทำภายหลังจากนั้นสองสามชั่วโมงได้ การให้แม่ลูกสัมผัสกันแบบเนื่อแนบเนื้อก็สามารถทำได้ในกรณีของการผ่าตัดคลอด แม้กระทั่งในระหว่างที่แม่กำลังได้รับการเย็บแผล ยกเว้นแต่ไม่สามารถทำได้เนื่องจากมีเหตุผลทางการแพทย์ให้ไม่สามารถทำได้เท่านั้น
ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าแม้แต่ทารกคลอดก่อนกำหนดที่มีน้ำหนักเพียง 1200 กรัม (2 ปอนด์ 10 ออนซ์) ก็จะมีเมตาบอลิซึ่มที่คงที่ (รวมไปถึงระดับน้ำตาลในเลือด) และหายใจได้ดีกว่าหากได้รับการสัมผัสแบบเนื้อแนบเนื้อทันทีหลังการคลอด การรักษาใด ๆ ที่จำเป็นยกตัวอย่างเช่น การให้ยาทางเส้นเลือด การให้ออกซิเจน หรือการสอดสายยางเพื่อให้อาหารหรือระบายแก๊สในท้อง ไม่ควรไปขัดขวางไม่ให้แม่กับลูกได้มีโอกาสสัมผัสกัน การสัมผัสแบบเนื้อแนบเนื้อสามารถทำร่วมกับการให้การรักษาอื่น ๆ เพื่อช่วยให้ทารกแข็งแรงขึ้นได้ แน่นอนว่าในกรณีที่ทารกอ่อนแอมาก การดูแลสุขภาพของทารกย่อมมีความสำคัญมากกว่า แต่ควรให้ทารกคลอดก่อนกำหนดที่ไม่มีปัญหาในการหายใจเนื่องจากขาดน้ำหล่อลื่นปอด (Respiratory Distress Syndrome) ได้สัมผัสกับแม่แบบเนื้อแนบเนื้อทันทีได้ทันทีหลังจากคลอด
ที่จริงแล้วทั้งในเด็กที่คลอดก่อนกำหนดและครบกำหนด การสัมผัสแบบเนื้อแนบเนื้ออาจช่วยลดอัตราการหายใจที่เร็วเกินไปให้กลับเข้าสู่เกณฑ์ปกติได้ แม้แต่ในทารกที่ไม่ยอมดูดนมแม่ระหว่างช่วงหนึ่งถึงสองชั่วโมงแรกหลังการคลอด การให้ได้รับสัมผัสในลักษณะเนื้อแนบเนื้อก็ยังส่งผลดีและมีความสำคัญต่อเด็กในแง่อื่น ๆ ตามที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น
ไม่ต้องตื่นตระหนกหากทารกไม่ยอมดูดนมทันทีในช่วงแรก การเร่งให้ทารกดูดนมแทบจะไม่มีความจำเป็นอะไรเลย โดยเฉพาะในเด็กคลอดครบกำหนดที่สุขภาพแข็งแรง ความเชื่อในการเลี้ยงทารกแรกเกิดผิด ๆ ที่อันตรายที่สุดอย่างหนึ่งก็คือความเชื่อที่ว่าทารกควรได้รับอาหารทุกสามชั่วโมง ทารกควรจะได้รับอาหารเมื่อแสดงอาการให้เห็นว่าพร้อม และการให้ทารกได้อยู่กับแม่จะช่วยให้แม่รู้ได้ว่าเมื่อใดที่ทารกจะพร้อม
ไม่มีหลักฐานอะไรที่จะพิสูจน์ได้เลยว่าควรป้อนนมทารกทุกสามชั่วโมงหรือตามตารางเวลาใด ๆ ก็ตาม ความเชื่อเช่นนี้เองที่ทำให้ทารกจำนวนมากถูกบังคับให้ดูดนมแม่เมื่อเวลาผ่านไปครบสามชั่วโมง ทารกที่ยังไม่อยากดูดนมอาจขัดขืนสุดฤทธิ์ และถูกบังคับหนักขึ้นไปอีก การพยายามให้ทารกดูดนมแม่ในลักษณะนี้ หลายครั้งที่กลับทำให้ทารกปฏิเสธการดูดนมแม่ไปเลย
หากทารกยังคงยืนกรานปฏิเสธเมื่อถูกบังคับให้ดูดนมและมีอาการหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อย ๆ แน่นอนที่ว่าขั้นตอนต่อไปก็คือการให้อาหารอื่นแก่ทารก เห็นได้ชัดเลยว่านี่คือทิศทางที่พวกเรากำลังมุ่งไปนั่นเอง
แปลจาก Handout #1a. The importance of skin to skin contact . Revised January 2005 Written by Jack Newman, MD, FRCPC. © 2005 โดย แม่ต่าย
บทความนี้ แม่ต่าย อาสาแปลให้โดยมิได้ร้องขอ หากคุณผู้อ่านทุกท่านอ่านบทความนี้แล้วรู้สึกว่าได้ประโยชน์ ขอความกรุณาส่งคำขอบคุณสั้นๆ ให้ผู้แปลบ้าง เราเชื่อว่าน่าจะเป็นการตอบแทนซึ่งทำให้ผู้รับอิ่มใจไม่น้อยค่ะ |