1.ความรู้สึกผิดแรก : ยังไม่รู้สึกว่ารักลูก
คุณแม่จำนวนไม่น้อย เมื่อได้เจอหน้าลูกที่รอคอยมานาน ยังไม่เกิดความรู้สึกที่เรียกว่า "รักลูกมากโดยไม่มีเงื่อนไข” ทำให้คุณแม่รู้สึกผิดว่า ทำไมตัวเองจึงไม่มีความรู้สึกที่ควรจะมีแบบนี้ คุณแม่บางคนอาจมีความรู้สึกนี้ทันทีที่ได้เห็นหน้าลูกตั้งแต่ครั้งแรก แต่คนที่ไม่ได้เป็นแบบนี้ก็ไม่ได้ผิดปกติแต่อย่างใด ซึ่งเรื่องนี้เข้าใจได้ไม่ยาก เพราะว่า การตั้งครรภ์และการคลอดบุตร ทำให้ผู้เป็นแม่เกิดความลำบากทั้งร่างกาย และจิดใจ ลองคิดดูง่ายๆ ถ้าเป็นผู้ป่วยหลังการผ่าตัดอื่นๆ หรือ เข้านอนรพ.เพราะได้รับอุบัติเหตุอะไรบางอย่าง ผู้ป่วยเหล่านั้นจะได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ มีคนคอยดูแลปรนนิบัติจนกระทั่งผู้ป่วยแข็งแรงสามารถช่วยเหลือตัวเองได้เต็ม ที่ ยกเว้นกรณีคลอดลูกซึ่งผู้ป่วยจะไม่ได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ เพราะไม่เพียงแต่ต้องผจญกับความเจ็บปวดจากการผ่าตัดแล้ว ยังต้องเผชิญกับความเจ็บปวดจากการให้นมลูก ไม่ได้พักผ่อนนอนหลับอย่างเต็มที่ ต้องอดหลับอดนอนดูแลลูกซึ่งต้องการการดูแลเอาใจใส่ทั้งทางร่างกาย อารมณ์ และจิดใจ อารมณ์รื่นรมย์มีความสุขคงเกิดขึ้นได้ยากพอสมควร
บางครอบครัวไม่มีพี่เลี้ยง หรือ ญาติผู้ใหญ่มาช่วยเปลี่ยนมือดูแลลูก คุณพ่อก็ไปทำงาน จึงเหลือคุณแม่เพียงคนเดียวที่ต้องคอยดูแลลูกน้อย พร้อมกับต้องเก็บกวาดทำความสะอาดบ้าน ทำกับข้าวไว้ให้คุณพ่อกินตอนกลับบ้าน ดังนั้นอารมณ์ของความสุขและความรักในการเลี้ยงลูกอาจยังไม่มาในตอนนี้
วิธีลดความกดดัน คือ คุณพ่อควรให้ความช่วยเหลือคุณแม่ให้ผ่านความยากลำบากในช่วงปรับตัวกับลูก น้อยทั้งการช่วยเลี้ยงลูก และ ด้านกำลังใจ โดยมากแล้วพ่อยังไม่ค่อยผูกพันกับลูกจนกว่าลูกและพ่อจะเริ่มมีการสื่อสาร ระหว่างกันมากขึ้น แต่พ่อก็ไม่ค่อยเดือดร้อนจากเรื่องนี้ เพราะไม่ได้มีความคาดหวังล่วงหน้าเหมือนแม่
2.ความรู้สึกผิดที่สอง : ไม่ได้ให้นมแม่
สมาคมกุมารแพทย์แนะนำให้ทารกกินนมแม่นานอย่างน้อย 1 ปี เพราะงานวิจัยพบว่าการให้นมแม่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของแม่และลูก ด้วยเหตุผลนี้ทำให้คุณแม่มือใหม่หลายคนได้รับแรงกดดันเรื่องนมแม่ บางคนเข้าคอร์สอบรมก่อนคลอด ก็จะได้รับข้อมูลมากมายเกี่ยวกับประโยชน์ของนมแม่ ปัญหาคือ ไม่ใช่ทุกรพ.จะช่วยให้คุณแม่มือใหม่ให้นมแม่ได้สำเร็จ หรือ แต่ละครอบครัวอาจมีเหตุผลหรือบริบทไม่เหมือนกันที่ทำให้ต้องตัดสินใจใช้นมผง จึงทำให้คุณแม่เหล่านี้มีความรู้สึกเสียใจและรู้สึกว่าตัวเองเป็นแม่ที่ไม่ ดีพอ ความเป็นจริงคือ “นมแม่ดีที่สุด แต่นมผงก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ไม่สามารถให้นมแม่ได้ การใช้นมผงไม่ได้เป็นสิ่งผิดอะไร สิ่งสำคัญที่สุดในการเป็นแม่ที่ดี คือ เป็นแม่ที่มีความสุขในการเลี้ยงลูกต่างหากเล่า
3.ความรู้สึกผิดที่สาม : การกลับไปทำงานนอกบ้าน
การกลับไปทำงานนอกบ้านเป็นอีกหนึ่งในสาเหตุนำของความรู้สึกผิดที่พบบ่อยใน แม่มือใหม่ คุณแม่ส่วนใหญ่อยากมีเวลาอยู่บ้านเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง เพราะเป็นห่วงลูก ทำให้รู้สึกผิดเมื่อต้องกลับไปทำงานนอกบ้าน ทำให้ไม่ได้อยู่กับลูกตลอดเวลา แต่เชื่อเถอะว่า ลูกแข็งแกร่งและยืดหยุ่นปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ต่างๆได้ดีมากกว่าที่คุณ คิด ในสถานการณ์ปัจจุบัน หลายครอบครัวต้องทำงานนอกบ้านทั้งพ่อและแม่ จงมั่นใจในสิ่งที่เลือกแล้วว่าเหมาะสมกับครอบครัวของคุณเอง เหมาะสมหมายถึง การมีรายได้เพียงพอที่จะใช้สอย แต่ไม่ทำให้ความสัมพันธ์ใกล้ชิดในครอบครัวลดลง คุณแม่บางคนอาจมีความรู้สึกว่าชีวิตจะเติมเต็ม ถ้าได้มีโอกาสได้ทำงานนอกบ้านด้วย เมื่อคุณตัดสินใจแล้วว่าสิ่งใดเหมาะสม ก็เดินหน้าได้เลย
4.ความรู้สึกผิดที่สี่ : ฝากลูกเลี้ยงที่เนอสเซอรี่
ถ้าคุณกลับไปทำงาน ก็ต้องฝากลูกไว้กับคนอื่น ตราบที่คุณฝากลูกไว้กับคน หรือ เนอสเซอรี่ที่ไว้ใจได้ และ คุณมีความสุขในการงานที่คุณทำ ซึ่งทำให้การดำรงชีวิตของคุณสมดุล นั่นแปลว่า คุณได้ทำสิ่งที่ถูกต้องแล้ว
การที่ลูกได้เรียนรู้การอยู่กับผู้ใหญ่คนอื่นที่ดูแลเขาเป็นอย่างดี ถือเป็นข้อได้เปรียบ เพราะเป็นการกระตุ้นพัฒนาการ และ สอนให้ลูกได้เรียนรู้การอยู่กับคนอื่นในสังคม การรู้จักยอมรับผู้อื่น ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมาก นอกจากนี้ยังเป็นการให้ลูกได้เจอพี่เลี้ยงที่มีความชำนาญด้านต่างๆซึ่งแตก ต่างจากพ่อแม่ ทำให้เกิดการเรียนรู้ทักษะต่างๆได้เป็นอย่างดี
การใช้เวลาอยู่กับลูก ไม่จำเป็นต้องมีเวลามากๆ แต่ขอให้เป็นเวลาที่มีคุณภาพ
5.ความรู้สึกผิดที่ห้า : การหาเวลาเป็นของตัวเอง
ถึงแม้ว่าการหาเวลาเป็นของตัวเองจะเป็นเรื่องยากเพียงใด คุณควรมีเวลาออกกำลังกาย มีเวลาสังสรรค์กับเพื่อนฝูง โดยไม่มีลูกไปด้วย และ แน่นอนที่สุดต้องมีเวลาสองต่อสองกับสามีด้วย โดยไม่ต้องรู้สึกผิดแต่อย่างใด เพราะว่า การมีเวลาได้ทำอะไรเพื่อตัวเองบ้าง จะเป็นประโยชน์ทางอ้อมต่อความสัมพันธ์ระหว่างลูกและคุณ เพราะเป็นการชาร์ตแบตให้กับตัวเอง เมื่อคุณแม่มีความสุขก็ทำให้ลูกมีความสุขด้วย
6.ความรู้สึกผิดที่หก : รู้สึกว่าเป็นแม่ที่ยังไม่ดีพอ
เพราะว่ามีคำแนะนำเรื่องการเลี้ยงลูกมากมายในหนังสือคู่มือการเลี้ยงลูก และ โลกออนไลน์ เมื่อคุณแม่อ่านมากๆ ก็อาจรู้สึกว่า ตัวเองเป็นแม่ที่บกพร่อง ไม่สามารถทำได้เหมือนกับที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ
ความจริงคือ ความรู้ในตำราไม่มีอะไรที่ตายตัว คุณแม่ต้องนำมาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับครอบครัว อย่ามุ่งหวังความสมบูรณ์แบบ เพราะสิ่งที่สำคัญกว่า คือความเป็นจริงในชีวิต ให้ปล่อยวางความรู้สึกผิด คุณก็จะเป็นแม่ที่ดีที่สุดสำหรับลูกได้เอง