อาจารย์ศิราภรณ์ สวัสดิวร รองประธานมูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย ได้กรุณาส่งข้อมูลเรื่อง โอกาสฟันผุ กับ นมแม่ ตัดตอนจาก บทความที่อาจารย์ได้เคยเขียนไว้ ตอนสอนทันตแพทย์
น้ำนมธรรมชาติ ไม่ว่านมแม่หรือนมวัวไม่ใช่อาหารที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคฟันผุ (Cariogenic food) เนื่องจากนมทั้งสองชนิดต่างประกอบด้วยน้ำตาลแล็คโตส ซึ่งเป็นน้ำตาลที่มีความหวานน้อยกว่าน้ำตาลซูโครส ถึง 5 เท่า เป็นน้ำตาลที่ก่อให้เกิดฟันผุน้อยที่สุด นอกจากนี้ยังมีส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้น้ำนมธรรมชาติไม่ใช่อาหารที่เสี่ยงต่อการเกิดฟันผุ คือ
1. น้ำนมมีเกลือแร่สูง ได้แก่ แคลเซียม ฟอสฟอรัส มีผลช่วยลดการละลายของแร่ธาตุ (Demineralization) และเพิ่มการสะสมของแร่ธาตุ (Remineralization) ที่ผิวเคลือบฟัน
2. โปรตีนในน้ำนมช่วยทำหน้าที่เป็นบัฟเฟอร์ ปรับภาวะกรดด่างในช่องปากให้สมดุล จึงลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดฟันผุ
3. ไขมันในน้ำนม ช่วยเคลือบผิวฟันทำให้ลดการเกาะของแบคทีเรีย
4. เอนไซม์ในน้ำนม ช่วยลดปฏิกิริยาการสร้างกรดโดยแบคทีเรียที่คราบฟัน
อย่างไรก็ตามนมผงในท้องตลาดปัจจุบัน มีการเติมน้ำตาลเพิ่มเพื่อทำให้รสชาติดีขึ้น โดยเฉพาะน้ำตาลซูโครส จึงก่อให้เกิดปัญหาฟันผุ
ทำไมทารกที่ได้รับนมแม่ จึงเสี่ยงต่อการเกิดฟันผุน้อยกว่า
1. มีการศึกษาของ Erickson and Mazhari พบว่า เมื่อนำฟันใส่ในน้ำนมแม่นานถึง 12 สัปดาห์ ผิวอีนาเมลของฟันก็ยังปกติไม่ถูกทำลายไม่เกิดฟันผุ แต่เมื่อนำฟันใส่ในน้ำนมแม่ที่เติมน้ำตาลซูโครส 10% ฟันจะผุภายในเวลาเพียง 3 สัปดาห์
2. กลไกการดูดนมแม่ ทำให้น้ำนมสัมผัสผิวฟันน้อยกว่า กรณีดูดนมขวด เนื่องจากน้ำนมแม่จะไหลเข้าปาก เมื่อเด็กออกแรงดูดเท่านั้น นอกจากนี้ หัวนมแม่มีความยืดหยุ่นสูงเด็กจึงดูดได้ลึก ทำให้ทิศทางนมพุ่งไปด้านหลังฟันแล้วไหลลงคอ ไม่เอ่อล้นในปาก ในขณะที่ การดูดนมขวด น้ำนมจะไหลสะดวก โดยยังไม่จำเป็นต้องออกแรงดูด น้ำนมจึงเอ่อล้นในปากตลอดเวลา ทำให้นมมีโอกาสสัมผัสฟันทั้งด้านหน้าและด้านหลังได้มากและนานกว่าการดูดนม แม่ ฟันจึงผุมากกว่า
3. ระดับความเป็นกรดด่าง (pH) ในน้ำนมแม่ไม่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย
4. ภูมิคุ้มกันในนมแม่ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของฟันผุ
#ทำไมน้ำตาลซูโครส จึงทำให้เกิดฟันผุมากกว่าน้ำตาลแล็คโตส
เนื่องจาก เชื้อแบคทีเรียสำคัญที่เป็นตัวก่อปฏิกิริยาฟันผุ คือ เชื้อ Streptococcus mutans ชอบใช้น้ำตาลซูโครสมากกว่า น้ำตาลแลคโตส ผลผลิตจากการย่อยน้ำตาลชนิดนี้จะได้สาร glucan ซึ่งเป็นสารเหนียว ทำให้แบคทีเรียเกาะติดฟันได้มากขึ้น ฟันผุได้ง่าย น้ำตาลซูโครสจึงมีศักยภาพทำให้เกิดฟันผุได้สูงกว่าน้ำตาลแล็คโตส และมากกว่าน้ำตาลชนิดใดๆ
น้ำนมแม่ ไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดฟันผุ เพราะถึงแม้จะมีน้ำตาลแล็คโตส แต่ก็มีกลไกทางธรรมชาติที่จะช่วยปกป้องฟัน การได้อาหารอื่น น้ำตาลชนิดอื่น พฤติกรรมการกิน การดูแลความสะอาดของฟันเป็นปัจจัยที่สำคัญที่ส่งเสริมให้ฟันผุ
ข้อแนะนำทั่วไป ในการเลี้ยงทารกด้วยนมแม่ เพื่อลดโอกาสฟันผุ
1. ระยะอายุ 6 เดือนแรก ระยะกินนมอย่างเดียว ฟันยังไม่ขึ้น
• ให้ทารกได้นมแม่ให้เต็มที่ทั้งกลางวัน กลางคืน ระยะนี้ยังไม่ต้องห่วงฟันผุเพราะฟันยังไม่ขึ้น และไม่จำเป็นต้องกินน้ำ
2. หลังอายุ 6 เดือน ระยะเริ่มให้อาหารตามวัย ฟันเริ่มขึ้น
• ส่งเสริมให้กินนมแม่ต่อ เพื่อทารกจะได้รับนมที่ไม่หวานจากซูโครสเหมือนกับนมผง
• ถ้าจะเปลี่ยนเป็นนมผง ต้องเลือกชนิดไม่เติมน้ำตาล ไม่ว่าจะเป็น น้ำผึ้ง ซูโครส หรือ ฟรุคโต้ส
• ไม่หัดให้เด็กชินกับอาหารหวาน เช่น ไม่เติมน้ำตาลในอาหารโดยไม่จำเป็น ให้อาหารที่ทำเองในบ้าน ระมัดระวังหรือไม่ใช้ อาหารสำเร็จรูปเพราะมีการเติมน้ำตาลเพื่อให้รสชาติอร่อย ทำให้ทารกติดรสหวาน
• ฝึกดื่มน้ำหลังอาหารและนมทุกครั้ง ร่วมกับการทำความสะอาดช่องปากและฟัน สม่ำเสมอ
• ฝึกให้ทารกเริ่มปรับเวลา เป็นกินกลางวัน นอนกลางคืน เพื่อลดการดูดนมกลางคืน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ทารกฟันผุง่าย เนื่องจากเวลานอน น้ำลายจะไม่ค่อยไหลเวียน คราบแบคทีเรียจึงทำปฏิกิริยาและทำลายฟันได้นานกว่า
• การให้น้ำผลไม้คั้นสดเอง ควรฝึกให้ดื่มจากแก้ว ไม่ใส่ขวดดูด เพราะจะทำให้น้ำตาลสัมผัสกับฟันได้มากและนาน และไม่ควรให้น้ำผลไม้พร่ำเพรื่อ อายุ 6 ด. - 1 ปี ควรได้รับเพียงวันละ 1 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 10 ซีซี/น้ำหนักตัว 1 กก. เช่น ทารกหนัก 6 กก. ไม่ควรเกินวันละ 2 ออนซ์ และเมื่อทารกเริ่มมีฟันบดเคี้ยวได้ ควรเปลี่ยนเป็นแบบรับประทานเนื้อผลไม้ดีกว่าให้เป็นน้ำผลไม้ ส่วนน้ำผลไม้กล่องไม่มีประโยชน์ มีแต่น้ำตาล จึงไม่ควรกิน
ยาวหน่ยอนะคะ แต่เป็นข้อมูลที่มีหลักฐานทางวิชาการ เรื่องฟันผุ เป็นจากหลายสาเหตุ ผสมปนกัน จะได้ไม่ต้องไปโทษ สิ่งใดสิ่งหนึ่ง ลองอ่านแล้วพิจารณาดูค่ะ