นมแม่ทำให้ลูกตัวเหลืองจนเป็นอันตรายจริงหรือไม่
คำตอบ คือ ไม่จริงค่ะ
ตัวเหลืองภายในสัปดาห์แรก เกิดจากการแตกของเม็ดเลือดแดง ทำให้เกิดสารสีเหลืองท่ีเรียกว่าบิลิรูบินซึ่งเป็นของเสีย ร่างกายต้องกำจัดออกทางตับ แต่ตับของทารกแรกเกิดยังทำงานไม่เต็มที่ กว่าจะเปิดสวิทช์ทำงาน ต้องสัปดาห์ที่ 2 เป็นต้นไป
อันที่จริงผู้ใหญที่ตับทำงานไม่ดี ก็มีอาการตัวเหลืองได้เช่นกัน เช่น ผู้ใหญที่เป็นโรคตับ
ตอนอยู่ในท้อง แม่จะกำจัดของเสียแทนลูก รวมทั้งสารเหลือง พอตัดขาดสายสะดือ ก็ตัวใครตัวมัน สารสีเหลืองที่ผลิตได้ในแต่ละวัน จะสะสมมากขึ้นเรื่อยๆในสัปดาห์แรก จะเริ่มลดลงเมื่อเข้าสู่สัปดาห์ที่สองเมื่อตับเริ่มทำงานดีขึ้น ลักษณะค่าสารเหลืองที่เพิ่มแล้วลงจะมีลักษณะเหมือนภูเขา บางคนเป็นภูเขาลูกสูง บางคนเป็นภูเขาลูกเตี้ย ขึ้นกับว่า เม็ดเลือดแดงใครแตกมากหรือน้อย ขอย้ำว่า ขึ้นกับปริมาณการแตกของเม็ดเลือดแดง ไม่ใช่เพราะได้นมไม่พอแต่อย่างใด
เด็กจึงเหลืองมากในกรณี กรุ๊ปเลือดแม่กับลูกไม่เข้ากัน หรือ เป็นพาหะของธาลัสซีเมีย หรือ ขาดเอนไซม์ G6PD หรือตับทำงานช้ากว่าชาวบ้านเขา เช่น ทารกคลอดก่อนกำหนด หรือ ทารกมีปัญหาติดเชื้อ
การขับสารเหลืองออกจากร่างกายทางหนึ่ง คือ
การขับออกทางอุจจาระ หากใครตัวเหลืองแล้วได้กินนมแม่ ทำให้อึบ่อย เหลืองจะลดลงได้เร็ว หากกินนมผง จะท้องผูก สารเหลืองจะขับออกได้ช้ากว่า หากกินน้ำ จะทำให้อิ่มน้ำ ไม่อยากกินนมแม่ ทำให้มีฉี่ออก แต่ไม่มี
อึ จะไม่ช่วยลดค่าเหลืองค่ะ
หากใครไม่มีการแตกของเม็ดเลือดแดงเยอะตั้งแต่ต้นแล้ว ถึงนน.จะลดเยอะเพียงใด ก็ไม่เหลืองค่ะ
ดังนั้น การรักษาเหลืองที่เกิดจากการแตกของเม็ดเลือดแดง คือ ต้องให้ลูกดูดนมแม่ให้เยอะที่สุด เพื่อให้อึบ่อยที่สุด ไม่ใช่ให้นมผงหรือน้ำเปล่า แต่ถ้านน.ลดต่ำกว่า 10% ก็ดูแลเหมือนเคสอื่นๆที่นน.ลด คือ เสริมนมผงหรือนมแม่บริจาคที่ปลอดเชื้อด้วยถ้วยจิบ
#วิธีการรักษาภาวะตัวเหลืองภายในสัปดาห์แรก
เด็กครบกำหนด หากเหลืองเกิน 13 ,17 , 20 ภายใน วันแรก วันที่สอง และ วันที่สาม รักษาโดยการถ่ายเลือดค่ะ เพราะเหลืองมากจะทำให้สารเหลืองซึมเข้าสู่สมอง มีผลทำให้สมองทำงานผิดปกติ เน้นอีกครั้งค่ะ กรณีเหล่านี้ เกิดจากการแตกของเม็ดเลือดแดงที่มากผิดปกติอย่างมาก เช่น กรุ๊ปเลือดหมู่เล็กไม่เข้ากัน (หมู่ Rh)
หากระดับอยูที่ 8,12,15 ในวันที่ 1,2 และ 3 หลังคลอด รักษาโดยการส่องไฟ หากต่ำกว่านั้น กลับบ้านไปตากแดดที่บ้านได้
และเน้นย้ำให้กินนมแม่ให้มากที่สุด ให้อึบ่อยที่สุด เหลืองจะลดเร็วที่สุด
ส่วนการเสริมนมอื่นนอกจากการดูดเต้าแม่ ทำตามข้อบ่งชี้เรื่องการลดของนน. คือ ลดต่ำกว่า 10%
ถ้าตัวเหลืองเกิดจากการที่ไม่ได้เสริมนมผง แสดงว่าเด็กที่เสริมนมผง จะพบปัญหาตัวเหลืองน้อยกว่ากลุ่มเด็กที่กินนมแม่ล้วน และประเทศที่สนับสนุนนมแม่ (สวีเดน ออสเตรเลีย) จะเจอปัญหาตัวเหลืองมากกว่าประเทศที่มีการใช้นมผงอย่างมากมาย(เช่น ประเทศไทย สหรัฐอเมริกา) ซึ่งหาเป็นเช่นนั้นไม่ เพราะพบปัญหาตัวเหลืองได้พอๆกันค่ะ เป็นไปตามการแตกของเม็ดเลือดแดงตามสาเหตุที่กล่าวมาแล้ว
กรณีเหลืองจากสารในนมแม่ (breastmilk jaundice) จะเหลืองหลังจากอาทิตย์แรก กรณีนี้ ไม่เป็นอันตรายต่อสมอง ไม่ต้องรักษาหากเหลืองไม่เกิน 20 หากเกิน ก็รักษาโดยการส่องไฟ โดยไม่ต้องงดนมแม่แต่อย่างใด เพราะหากงด อาจทำให้ลูกติดขวด และแม่ผลิตนมได้น้อยลง เพราะขาดการกระตุ้น มีภาวะเต้านมคัดอักเสบเพราะไม่ได้ระบายนมออก มีโอกาสล้มเหลวในการให้นมได้
ค่าใช้จ่ายในการส่องไฟกับค่าใช้จ่ายหากให้นมแม่ไม่สำเร็จ แล้วต้องใช้นมผง (ค่านมผง ค่ารักษาพยาบาล) มันเทียบกันไม่ได้เลยค่ะ
อย่างไรก็ดี ก่อนที่จะสรุปว่าเหลืองจากสารในนมแม่ ต้องดูว่าไม่ได้เหลือง จากสาเหตุอื่น เช่น
โรคท่อน้ำดีอุดตัน โรคทางเดินปัสสาวะอักเสบ โรคติดเชื้อในกระแสเลือด โรคขาดฮอร์โมนธัยรอยด์ ซึ่งต้องรักษาที่สาเหตุ ไม่ใช่รักษาโดยการส่องไฟเท่านั้น หรือ รักษาโดยการเปลี่ยนจากนมแม่เป็นนมผงแต่อย่างใด
ส่วนคำถามที่ว่าทำไมมีคน ชอบบอกว่าเหลืองเพราะนมแม่ไม่พอหรือเหลืองเพราะกินนมแม่แล้วต้องหยุดให้นม แม่ ก็คงเป็นเหตุผลเดียวกันกับที่ คนเหล่านั้นชอบพูดว่า นมแม่หมดประโยชน์หลัง 6 เดือนบ้าง เด็กนมแม่ตัวเล็กบ้าง เด็กติดแม่มากไปบ้าง นั่นเป็นเพราะคนที่พูดเช่นนั้น ไม่ได้ศึกษาเรื่องนมแม่อย่างลึกซึ้งนั่นเอง จึงให้ข้อมูลแบบไม่ถูกต้อง เชื่อถือไม่ได้ เปรียบเสมือนกับการที่ป้าหมอซึ่งเป็นหมอเด็ก หากต้องไปรักษาผ่าตัดผู้ป่วยไส้ติ่งอักเสบ ป้าหมอก็อาจทำให้ผู้ป่วยเป็นอันตรายได้ เพราะป้าหมอไม่ชำนาญการผ่าตัดนั่นเอง
บทความโดย พญ.สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ https://www.doctorbreastfeeding.com