รู้หรือไม่ กรดไหลย้อนในทารกเป็นสาเหตุของ อาการโคลิค ได้

การร้องโยเยของเด็กแรกเกิดเป็นเรื่องธรรมดา แต่เมื่อเสียงร้องไห้ดังไม่หยุด ลูกน้อยหลับหูหลับตาร้องกรี๊ดเป็นเวลานานจนหน้าแดงตัวงอ อาจเป็นสัญญาณว่าลูกน้อยมี อาการโคลิคซึ่งปกติยากจะบอกแน่ชัดว่าร้องเพราะอะไร แต่บางครั้งสาเหตุก็มาจากอาการเจ็บไข้ได้ป่วย เด็กแรกเกิดยังเรอไม่เป็น คุณแม่ควรอุ้มเรอทุกครั้งหลังกินนมเพื่อไล่ลมในท้อง พร้อมกับนวดหน้าท้องเล็กน้อย นวดหลังเป็นจังหวะ หรือจับปลายเท้าแต่ละข้างของลูกทำท่าปั่นจักรยานเพื่อไล่ลมในกระเพาะและลำไส้ แต่ถ้าสาเหตุไม่ใช่อาการปวดท้องจุกเสียด อาจเกิดจากโรคกรดไหลย้อนเป็นสาเหตุให้ ลูกร้องไม่หยุด ก็ได้

กรดไหลย้อนในเด็กเล็กเกิดจากกรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับขึ้นไปบริเวณหลอดอาหารในคอ ทำให้เจ้าตัวน้อยมีอาการแสบร้อนในอกเหมือนกับผู้ใหญ่ มีแก๊สในท้องแน่นตั้งแต่กระเพาะอาหารไปจนถึงลำไส้ใหญ่ เด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไปอาจเรอหรือผายลมออกมาเอง แต่ถ้าเป็นเด็กอ่อนยังเรอไม่ได้ทำให้แน่นจุกเสียดและร้องไห้เพราะความเจ็บปวด เป็นสาเหตุให้ลูกร้องไห้หนักมาก โดยเฉพาะในตอนกลางคืน อีกปัจจัยคือการดูดขวดนมทำให้ลูกกลืนลมลงท้อง หากเด็กกินนมแม่จะช่วยให้อาการปวดแน่นท้องเพราะแก๊สลดลง แต่อาหารที่คุณแม่กินอาจมีส่วนให้ลูกพลอยมีแก๊สในท้องไปด้วย ลองลดแป้ง กะหล่ำปลี และบรอกโคลี ทำให้ปัญหาปวดท้องลดลงด้วย

สังเกตอาการร้องโคลิคเพราะกรดไหลย้อนจะมีอาการแหวะนม อาเจียนหลังกินนม หายใจติดขัด เด็กร้องไห้ ไม่ยอมหยุดและขดตัวแสดงสีหน้าเจ็บปวด นอกจากนั้นยังเป็นหวัดบ่อยและมีปัญหาในระบบทางเดินหายใจ ในกรณีที่ ลูกร้องไห้ไม่มีสาเหตุ เช็คเรื่องเจ็บไข้ได้ป่วยก็ไม่มีปัญหาสุขภาพใด ๆ หลังกินนมแล้วจับอุ้มเรอทุกครั้ง ดูแลสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับการนอนหลับ อุ้มลูกกล่อมให้ผ่อนคลายสบายใจ ทำแล้วทุกอย่างแต่ลูกยังคงร้องไห้ไม่ยอมหยุด ควรพาลูกไปพบคุณหมอตรวจวินิจฉัยว่าเป็นอะไรกันแน่ หากสาเหตุมาจากกรดไหลย้อนก็สามารถรักษาอาการได้ โดยคุณหมอจะจ่ายยาเคลือบกระเพาะเพื่อลดการระคายเคืองและทำให้อาการเจ็บปวดบรรเทาไปในที่สุด 

เมื่อ ทารกร้องไห้เป็นประจำทุกวัน ร้องนานกว่า 3 ชั่วโมง พ่อแม่ย่อมรู้สึกไม่สบายใจ เมื่อรู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุให้ลูกเจ็บปวดไม่สบายตัว ก็จะต้องใช้วิธีช่วยให้ลูกสบายตัวและอุ่นใจให้สงบและหยุดร้องไห้เร็วขึ้น เด็กทารกร้องไห้เพราะ อาการโคลิค ประมาณ 3-4 เดือน ที่เรียกกันว่าร้องร้อยวัน ในวัยนี้เด็กกำลังพัฒนาไปเรื่อย ๆ เติบโตและเปลี่ยนแปลงทุกวัน หลังจากนั้นจะอาการร้องไม่มีสาเหตุจะค่อย ๆ ลดลงไปเอง ระบบย่อยอาหารดีขึ้น กระเพาะและลำไส้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ร่างกายปรับเปลี่ยนให้เรอและผายลมได้เองหลังอิ่มนม นั่นหมายความว่าถ้าลูกน้อยไม่เจ็บป่วย ก็ไม่มีอะไรผิดปกติให้ต้องกังวลแล้ว

หากจะกล่าวถึงผลเสียของอาการโคลิคในทางตรง การร้องไห้เป็นเวลานานส่งผลให้ลูกน้อยเหน็ดเหนื่อยอ่อนเพลีย อาจทำให้เด็กไม่สบายได้ เช่น มีอาการปวดท้องเพราะกลืนลมลงท้องไปมาก ส่วนผลกระทบในทางอ้อมอาจไม่ส่งผลต่อพัฒนาการทางร่างกายของเด็กมากนัก แต่การร้องไห้นาน ๆ จะกระตุ้นให้เกิดความเครียดมากกว่า ทั้งต่อตัวเด็กเองและคุณพ่อคุณแม่ หรือพี่เลี้ยงผู้ดูแล ซึ่งจะส่งผลต่อความสัมพันธ์ในครอบครัวได้ ดังนั้นหากมีอาการร้องไห้แบบโคลิค ต้องรีบแก้ไขให้ทันการณ์และถูกวิธี จะได้สบายใจและมีความสุขทุกฝ่าย