ผลวิจัยเผยว่า 25% ของเด็กทารกที่อายุไม่เกิน 4 เดือน จะมีอาการโคลิค โดยไม่ถือเป็นเรื่องผิดปกติและไม่มีผลต่อพัฒนาการใด ๆ ของลูกน้อย แต่กระนั้นคุณพ่อคุณแม่ (โดยเฉพาะที่เป็นคุณพ่อคุณแม่ป้ายแดง) ควรสังเกตตอน ทารกร้องไห้ ให้ดีว่า เป็นการร้องไห้แบบปกติ เช่น เฉอะแฉะไม่สบายตัว หรือร้องไห้เพราะ อาการโคลิค โดยสังเกตุง่ายๆ เลยว่า ลูกร้องไม่หยุด แบบไม่มีสาเหตุ ร้องติดต่อกันเป็นเวลานาน เสียงแหลม และยังร้องในเวลาเดิมๆ อีกด้วย  

ลูกมี อาการโคลิค พ่อแม่ช่วยได้อย่างไร

ทุกครั้งที่ ลูกร้องไห้ไม่มีสาเหตุ คุณพ่อคุณแม่จะต้องตรวจสอบสภาพแวดล้อมทั่วไปก่อนว่ามีความผิดปกติหรือไม่ เช่น ร้อนหรือหนาวเกินไป หิวนม ง่วง หรือว่าอึฉี่ใส่ผ้าอ้อม ถ้าทุกอย่างเป็นปกติดี ให้ลองพาลูกออกไปสูดอากาศโล่ง ๆ หรือให้อยู่ในที่สงบ ๆ เพื่อให้ผ่อนคลาย อาจนวดท้องเบา ๆ หรืออุ้มโยกไปมาก็ได้ คุณแม่หลายคนใช้วิธีการอาบน้ำอุ่นให้ลูก ก็ช่วยให้ผ่อนคลายได้ไม่น้อยทีเดียว แต่หากวิธีเหล่านี้ไม่ได้ผล ก็ต้องแนะนำให้พาลูกไปพบแพทย์เพื่อได้รับการรักษา หรือคำแนะนำที่ถูกต้องนะ

จุลินทรีย์ในลำไส้มีผลต่อการช่วยลดอาการโคลิค

          อาการปวดท้อง แน่นท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ หรือปัญหาในระบบย่อยอาหาร อาจเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ ลูกร้องไม่หยุด คล้ายอาการโคลิค พ่อแม่หลายๆ คนอาจจะเลือกหายาเพื่อช่วยให้เด็กสบายตัวขึ้น หนึ่งในทางเลือกที่จะช่วยคลายปัญหาได้คือ จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายซึ่งอาศัยอยู่ในลำไส้ เรียกกันว่า โปรไบโอติกส์

จุลินทรีย์กลุ่มนี้สามารถทำให้ลำไส้แข็งแรง ช่วยระบบการย่อยอาหารได้ แต่สำหรับทารกนั้นอาจมีภาวะบางอย่างที่ทำให้ปริมาณของจุลินทรีย์กลุ่มนี้ลดลงหรือไม่สมดุล และเมื่อเกิดสภาพขาดสมดุลก็จะมีปัญหาในระบบการย่อยอาหารตามมา เช่นท้องอืด ท้องเฟ้อ จนอาจจะเกิดเป็นอาการโคลิคได้

การให้โปรไบโอติกส์กับลูก จึงเท่ากับเป็นการเพิ่มปริมาณจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ทำให้ระบบการย่อยอาหารทำงานได้ดีและสมบูรณ์ขึ้น ลดความเสี่ยงจากอาการปวดท้องแน่นท้อง จึงเป็นตัวเลือกที่แพทย์เลือกใช้กับ เด็กร้องไห้ จาก อาการโคลิค ที่สำคัญวิธีนี้ยังปลอดภัยกว่าการใช้ยาและไม่เสี่ยงต่อผลกระทบเหมือนกับการเปลี่ยนให้ลูกกินนมผงแทนนมแม่อีกด้วย

เพราะฉะนั้นหากพ่อแม่สังเกตุว่าลูกของเรามีอาการคล้ายโคลิคละก็ แนะนำให้พบแพทย์เพื่อได้รับคำแนะนำที่เหมาะสมในการดูแลลูกนะ