การร้องไห้แม้จะเป็นเรื่องปกติของทารก แต่การที่ลูกร้องไห้ไม่หยุด นอกจจากจะก่อให้เกิดความกังวลแล้ว และมักทำให้พ่อแม่ ผู้เลี้ยงดู เกิดอาการเครียดหงุดหงิดได้ง่าย ส่งผลต่อสุขภาพจิต หากมิได้พยายามทำความเข้าใจและรับมือได้อย่างเหมาะสม อาการ ทารกร้องไห้ แบบโคลิค มีข้อบ่งชี้อยู่ที่ ระยะเวลาและอาการ กล่าวคือ หากเจ้าตัวเล็กร้องไม่หยุดเลย ติดต่อกันมากกว่า 3 ชั่วโมงต่อวัน มากกว่า 3 วันต่อสัปดาห์ และติดต่อกันนานเกิน 1 สัปดาห์ ให้สงสัยไว้ก่อนว่าลูกของคุณมีการร้องไห้แบบโคลิค

ส่วนอาการอื่น ๆ นั้น ขอให้สังเกตดู และจดบันทึกไว้ทุกวันว่า

-          ลูกคุณร้องไห้แบบไม่มีเหตุผลไหม โดยเช็กว่าลูกหิว ไม่สบายตัว หรือไม่

-     ร้องไห้ในเวลาเดียวกันซ้ำ ๆ ทุกวันหรือเปล่าและลูกร้องไห้ไม่มีสาเหตุ ในช่วงเย็น-ค่ำหรือไม่ เพราะอาการโคลิคมันจะเกิดในเวลานี้

-          มีอาการเกร็งกำหมัดแน่นและงอเข่าไปมาเวลาร้องไหม

-          เสียงร้องเล็กแหลม เหมือนเจ็บปวด

-          ผิวพรรณแดงก่ำขณะร้องหรือไม่ ฯลฯ

ถ้าเจ้าตัวน้อยมีอาการแบบนี้ ก็เข้าข่ายการร้องไห้แบบโคลิคซึ่งคุณไม่ควรนิ่งนอนใจ ควรเข้ารับคำปรึกษาในการดูแลลูกจากแพทย์ และพยายามจดบันทึกอาการของลูกไว้

ในส่วนของพ่อแม่ ต้องยอมรับว่า ลูกร้องไห้ไม่มีสาเหตุ จะทำให้คุณเหนื่อยและเครียดมากกว่าพ่อแม่ทั่วไปหลายเท่า ดังนั้น คุณต้องจัดการจิตใจของคุณให้ดี ท่องไว้เสมอว่า อาการโคลิค เกิดขึ้นกับทารกคนใดก็ได้ และคุณไม่ใช่สาเหตุ เพราะปัจจุบันยังไม่สามารถระบุสาเหตุที่ชัดเจนได้ เพราะฉะนั้น อย่าเก็บความรู้สึกผิดใด ๆ ไว้ให้บั่นทอนทั้งสุขภาพใจและสุขภาพกายของคุณ

ประการต่อมา หากคุณโกรธหรือหงุดหงิดกับการร้องลั่นบ้านของเจ้าตัวเล็ก ให้เห็นว่านี่เป็นเรื่องธรรมดาของคนทั่วไป มิใช่เรื่องผิดแปลก เพียงแต่คุณต้องมีสติมากพอ และที่สำคัญห้ามเขย่าตัวลูก คุณอาจทำอันตรายรุนแรงต่อสมอง ต่อจอประสาทตาของเจ้าตัวเล็ก จนถึงขั้นเสียชีวิตได้

ถ้าคุณมีความกังวลใจอย่างมาก อาจต้องจัดสรรเวลาพักให้ตัวเอง และให้ผู้อื่นมาทำหน้าที่แทน แต่ถ้ารู้สึกว่าควบคุมอารมณ์ไม่ได้ หรือมีอาการเครียดเกินไป คุณควรไปพบแพทย์ เพื่อขอคำแนะนำทั้งสำหรับตัวคุณเองและรักษาอาการของลูกน้อย

ในส่วนของเจ้าตัวเล็ก เมื่อ ลูกร้องไห้ไม่มีสาเหตุ หรือ ลูกร้องไม่หยุด นั่นอาจไม่ใช่หมายถึงการร้องไห้แบบโคลิคเพียงอย่างเดียว พ่อแม่ไม่ควรละเลยหากลูกของเราร้องไห้ เพราะอาจจะบ่งชี้ถึงอาการป่วยอื่นๆ ได้ เช่น กรดไหลย้อนหรือปัญหาอื่นในท้อง ความกดดันหรือการอักเสบในสมองหรือระบบประสาท หัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอ หรืออาการบาดเจ็บที่กระดูกหรือกล้ามเนื้อ ฯลฯ คุณจึงควรไปพบแพทย์ และหากมีอาการต่อไปนี้ร่วมด้วย คุณจะต้องพาลูกไปพบแพทย์โดยด่วน กล่าวคือ

-อาเจียน (เป็นสีเขียว สีเหลือง มีเลือดปน หรืออาเจียนมากกว่า 5 ครั้งต่อวัน)

-อุจจาระผิดปกติ (ท้องเสีย มีมูกเลือดในอุจจาระ)

-ตัวร้อนจัด

-ร้องไห้หนักกว่าเดิม

-น้ำหนักเพิ่มน้อยมาก (น้อยกว่า 15 กรัมต่อวัน)

เพราะนั่นคือสัญญาณที่บอกว่า เจ้าตัวน้อยควรอยู่ในความดูแลของแพทย์โดยเร็วที่สุด เพื่อได้รับการรักษา และคำแนะนำที่ถูกต้อง