การที่เด็กร้องไห้เมื่อยังเป็นทารก ถือเป็นการสื่อสารเดียวที่ทำได้เพราะเด็กยังไม่สามารถสื่อสารใดๆ การร้องไห้อาจจะแสดงออกถึงความต้องการของทารก เช่น หิว ร้อนหรือหนาวเกินไป มีอาการเจ็บป่วย หรือผ้าอ้อมเปียกแฉะ เป็นต้น แต่หาก ลูกร้องไม่หยุด หรือ ลูกร้องไห้ไม่มีสาเหตุ ย่อมเป็นภาวะที่สร้างความกังวลใจให้กับพ่อแม่ทุกคนอย่างแน่นอน และเป็นไปได้ว่าเป็นสัญญาณของการร้องไห้เพราะ อาการโคลิค คุณพ่อคุณแม่จึงควรรู้จักกับอาการโคลิคไว้ เผื่อลูกร้องไห้เราจะได้สามารถแยกได้

อาการโคลิค เป็นอาการที่เกิดกับทารกที่มีอายุไม่เกิน 5-6 เดือน เด็กร้องไห้ หนัก ต่อเนื่องโดยไม่ทราบสาเหตุและไม่สามารถกล่อมให้หยุดร้องได้ ซึ่งมีอาการที่สามารถสังเกตได้ เช่น

·       ร้องไห้ในช่วงเวลาเดิม ๆ เป็นประจำ โดยเฉพาะเวลาเย็นหรือหัวค่ำ จนถึงกลางคืน และร้องนานกว่าปกติ บางคนร้องนานเกินกว่า 2-3 ชั่วโมง

·       อาการร้องงอแงโดยไม่มีสาเหตุมักจะเกิดขึ้นทันที โดยไม่มีอาการเจ็บป่วยมาก่อน โดยมีอาการปกติมาตลอดวัน

·       เด็กร้องเสียงแหลม และดังมาก คล้ายปวดท้อง อาจจะมีอาการเกร็งมือ ท้องเกร็ง และชันขางอเข้าหาตัว

·       ไม่สามารถป้องกันการร้องไห้ได้ และจะปลอบให้หยุดร้องได้ยาก แต่จะหยุดร้องไปเอง

·       ร้องไห้ต่อเนื่องไม่น้อยกว่าสัปดาห์ละ 3 วัน ติดต่อเกิน 1 สัปดาห์ขึ้นไป

แม้ปัจจุบันยังจะไม่สามารถระบุสาเหตุที่แท้จริงของอาการโคลิคได้ แต่รู้หรือไม่ว่าหากคุณพ่อคุณแม่คอยสังเกตรายละเอียดของลูกน้อยอย่างใกล้ชิด อาจทำให้พอทราบสาเหตุที่เกิดขึ้นภายนอกและแก้ไขปัญหาได้ไม่ยาก สำหรับสาเหตุที่คาดว่าจะทำให้ ลูกร้องไห้ไม่มีสาเหตุ ต่อเนื่องยาวนานนั้น เช่น

·       ร้องไห้เพราะไม่สบายตัว เนื่องจากมีความชื้นของผ้าอ้อมหรือผ้าอ้อมสำเร็จรูป

·       ทานนมมากเกินความต้องการของร่างกาย

·       มีอาการท้องอืด หรือมีลมในท้อง ที่เกิดจากการดื่มนมผิดท่า หรือดูดขวดนมเปล่า

·       ถูกรบกวนจากสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ เช่น แสงไฟ เสียงรบกวน เป็นต้น

เมื่อคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ได้ทราบถึงสาเหตุที่ทำให้ เด็กร้องไห้ ไม่หยุดแล้ว เรามาดูวิธีที่จะสามารถรับมือกับอาการโคลิคได้ง่ายๆ กัน

·    หมั่นตรวจผ้าอ้อมหรือผ้าอ้อมสำเร็จรูปอย่างใกล้ชิดว่ามีความชื้นที่จะสร้างความไม่สบายตัวให้กับลูกน้อยหรือไม่ และควรเปลี่ยนบ่อยๆ เพื่อให้ลูกรู้สึกสบายไม่อับชื้น

·    เมื่อให้ลูกน้อยทานนมแล้ว ให้จับเรอทุกครั้งเพื่อป้องกันการเกิดลมในกระเพาะ รวมถึงลดความเสี่ยงในการเป็นกรดไหลย้อนด้วย

·    ลดการเกิดสิ่งรบกวน เช่น หากสังเกตว่าเมื่อเปิดไฟแล้วลูกน้อยจะร้องไห้งอแง แนะนำให้ลองปิดไฟและให้ลูกน้อยนอนในสถานที่ที่เงียบสงบ หรืออาจะเปิดเสียงเพลงเบาๆ

·       นำลูกน้อยมาไว้ในอ้อมอกและจับโยกเบา ๆ (ไม่เขย่า) เพื่อสร้างความอบอุ่นปลอดภัยให้กับลูกน้อย

เพียงเท่านี้ ความน่ากังวลใจเมื่อลูกร้องไห้แบบไม่มีสาเหตุ ก็จะไม่ใช่ปัญหาที่น่ากังวลอีกต่อไป คุณพ่อคุณแม่ลองนำไปปรับใช้ตามพฤติกรรมของลูกน้อยกันดูก่อน แต่หากอาการไม่ดีขึ้นหรือไม่แน่ใจว่าควรปฏิบัติอย่างไร แนะนำให้พบกุมารแพทย์เพื่อได้รับคำแนะนำที่ถูกต้อง