ดูแลตัวเองได้ถูกต้อง ไม่ต้องกลัวรากเทียมโยก เหงือกอักเสบ | |
หลังจากทำรากเทียมมาแล้ว ถ้าใช้งานไม่ระวังก็เสี่ยงทำให้เกิดการอักเสบได้ โดยเฉพาะการใช้ฟันที่กระทบกระเทือนสูง เช่น ใช้ฟันเปิดฝาขวดน้ำอัดลม มีสิทธิ์ทำให้เกิดการอักเสบได้เลย หรือแม้แต่ทำให้รากฟันหลุดออกมาทั้งซี่ ซึ่งยากต่อการแก้ไขและมีโอกาศสูงที่ต้องให้ทันตแพทย์ฝังรากฟันใหม่ ควรตรวจสอบรากเทียมตามที่ทันตแพทย์นัดหมาย สิ่งสำคัญอีกอย่าง คือการดูแลรักษารากเทียม https://www.edelweissdentalhouse.com/th/implants/ ตามคำแนะนำของทันตแพทย์อย่างถูกต้อง เพราะถึงแม้อายุของรากเทียมสามารถอยู่ได้นานถึง 40-50 ปี แต่อายุการใช้งานก็สั้นลงได้ถ้าขาดการดูแลรักษา เพราะถึงแม้เป็นของเทียมที่ถูกสร้างขึ้น แต่มันก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายแล้ว โดยส่วนมากทันตแพทย์จะนัดหมายให้มาตรวจสภาพรากเทียมทุก 6 เดือน หรืออาจเร็วกว่านี้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล แต่ในกรณีที่ใส่รากฟันเทียมไปแล้วสังเกตว่าเกิดสิ่งผิดปกติ เช่น ฟันโยกขณะรับประทานอาหาร ก็ต้องมาพบทันตแพทย์ทันที เพื่อหาสาเหตุว่าเกิดจากอะไร สาเหตุที่ทำให้รากเทียมโยก 1.ทานอาหารที่มีความแข็ง หลังจากทำรากเทียมในช่วงแรก ซึ่งคนที่ทานอาหารแข็ง ๆ ติดต่อกันบ่อยหลังหลังส่รากฟันเทียม ถือว่าเสี่ยงที่สุด 2.ใช้งานรากเทียมแบบผิด ๆ เช่น ใช้ขบเคี้ยว กัด กระฉากอย่ารุนแรง เป็นผลให้จุดที่ทำรากฟันเทียมได้รับแรงกระแทกสูงกว่าการเคี้ยวอาหารปกติ ก็ทำให้กระดูกละลายและรากฟันเทียมโยกเยกได้ 4.นอกจากนี้ รากเทียมโยกยังเกิดได้จากสาเหตุฟันธรรมชาติซี่ค้างเคียงผุ และถ้าเกิดการติดเชื้อที่โพรงประสาทฟันร่วมด้วย ก็ทำให้เกิดการอักเสบตามมา 5.เหงือกอักเสบ อันเนื่องมาจากการปล่อยปละละเลย จนกระทั่งฟันมีคราบหินปูเกาะแน่นในจุดที่ทำรากฟันเทียม ซึ่งการทำรากฟันเทียมถึงแม้ช่วยลดปัญหาฟันผุได้ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าต้องปราจากคราบหินปูน หากป่อยปละละเลยการดูแลรักษา ก็ทำให้รากฟันเทียมเกิดหินปูนได้เช่นกัน หรือถ้าปล่อยให้เกิดหินปูนเกาะสะสมมาก ๆ ก็ส่งผลให้เหงือกอักเสบและทำให้รากฟันเทียมโยกได้. | |
ผู้ตั้งกระทู้ health108 :: วันที่ลงประกาศ 2021-08-03 17:28:19 IP : 49.228.153.159 |