เจ้าของรถหลังจากทำประกันชั้น 1 มาได้ซักระยะ การเปลี่ยนมาเป็นประกันรถยนต์ชั้น 2 ช่วยให้คุณประหยัดค่าเบี้ยประกันได้มากขึ้น แม้ความคุ้มครองจะน้อยกว่าประกันชั้น 1 แต่ก็ให้คุ้มครองมากกว่าประกันชั้น 3 เพื่อช่วยให้คนที่ยังลังเลอยู่ว่าจะเลือกทำประกันแบบไหนดี วันนี้เรามาทำความรู้จักกับประกันชั้น 2 และ ประกันชั้น 2 พลัส ให้มากขึ้นกัน

ความโดดเด่นของ ประกันรถยนต์ชั้น 1 ของ SCB Protect มีความครอบคลุมความเสียหายมากที่สุด คือการที่บริษัทประกันจะซ่อมรถให้เราในทุกกรณี ไม่ว่าจะมีคู่กรณีหรือไม่มีคู่กรณี เหมาะกับรถยนต์ใหม่หรือรถยนต์ที่ผู้ขับขี่ยังขับรถไม่คล่อง แต่หากเป็นรถยนต์ที่ใช้งานมาระยะหนึ่งหรือรถยนต์ที่ผู้ขับขี่มีความชำนาญ การเลือกซื้อ ประกันรถยนต์ชั้น 2 จะช่วยประหยัดเบี้ยได้มากกว่า แต่เบี้ยประกันที่น้อยกว่ากับความคุ้มครองที่น้อยลง จะคุ้มค่าไหม มาดูกัน

เริ่มกันที่ ประกันรถชั้น 2 พลัส ซึ่งเป็นรองเฉพาะประกันชั้น 1 เท่านั้น ประกันชั้น 2 พลัสให้ความคุ้มครองในส่วนของความเสียหายต่อร่างกายและรถยนต์ของคู่กรณี รวมถึงรถสูญหายหรือไฟไหม้ แต่ไม่ครอบคลุมความเสียหายของรถยนต์ที่เอาประกันหากไม่มีคู่กรณี เบี้ยประกันชั้น 2 พลัสน้อยกว่าเบี้ย ประกันชั้น 1 เรียกได้ว่าครึ่งต่อครึ่งกันเลยทีเดียว ถ้าผู้ขับขี่ชำนาญในการขับรถ รถยนต์ใช้งานมานาน แต่ไม่ได้ใช้งานบ่อย ขับรถทางใกล้บ้างไกลบ้าง แต่เป็นเส้นทางที่ใช้ประจำ และมักจอดรถในที่ที่เสี่ยงต่อการสูญหาย ก็สามารถเลือกซื้อประกันชั้น 2 พลัสได้อย่างวางใจ

สำหรับ ประกันชั้น 2 ของ SCB Protect เบี้ยประกันจะถูกลงมาอีก โดยมีความแตกต่างจากประกันชั้น 2 พลัส คือ ความคุ้มครองรถยนต์คันที่เอาประกันเฉพาะสูญหายและไฟไหม้เท่านั้น ถ้าการใช้รถยนต์มีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุน้อย เช่น ใช้รถน้อย ใช้ในเฉพาะระยะทางสั้น ๆ หรือในพื้นที่ที่ไม่ค่อยมีรถยนต์หรือจักรยานยนต์ และมีงบประมาณไม่มากสำหรับค่าเบี้ยประกัน การเลือกประกันชั้น 2 ก็จะช่วยประหยัดค่าเบี้ยประกันลงได้อีก

แต่ถ้ารถยนต์เพิ่งใช้งานได้ไม่กี่ปี ผู้ขับขี่ไม่มีประสบการณ์ในการขับขี่มากนัก ใช้รถยนต์ทุกวัน บนเส้นทางในเมืองหรือในพื้นที่ที่มีการใช้รถใช้ถนนกันมาก ชอบออกต่างจังหวัด และยังมักขับเฉี่ยวชนอยู่เสมอ ก็ยังไม่ควรเลือก ประกันรถชั้น 2 เพียงเพื่อประหยัดค่าเบี้ยประกัน เพราะค่าซ่อมรถยนต์อาจมากกว่าค่าเบี้ยประกัน

ประกันแต่ละแบบมีจุดเด่นต่างกัน เพื่อผู้ขับขี่ที่มีความชำนาญในการขับขี่ต่างกัน และเพื่อความต้องการความคุ้มครองที่แตกต่างกัน ความคุ้มค่าของเบี้ยประกันจึงอยู่ที่การเลือกประกันที่สอดคล้องเงื่อนไขดังกล่าว เพราะความคุ้มครองที่พอดีทำให้ไม่ต้องจ่ายเบี้ยประกันมากเกินไปนั่นเอง