ReadyPlanet.com


DHA 4 เท่า ดีกว่า DHA ปกติ หรือไม่


ตอนนี้กำลังจะเปลี่ยนนมให้ลูกค่ะ (เดิมลูกกินนมดิฉันอยู่ค่ะ) เห็นว่าบางยี่ห้อมี DHA คูณ 4 ก็เลยสงสัยว่า DHA คุณ 4 ทำให้ลูกฉลาดขึ้นได้จริงหรือเปล่าคะ แล้วถ้าให้ลูกกินนม DHA คูณ 4 ลูกจะได้รับเกินกว่าความต้องการในร่างกายหรือไม่คะ

แล้วควรจะให้ลูกกินนมอะไรดีคะ  



ผู้ตั้งกระทู้ ครอบครัวสุขสันต์ :: วันที่ลงประกาศ 2009-01-13 14:49:27 IP : 58.137.5.11


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (2959549)

เพิ่มเติมอีกนิดค่ะ

คือแอบดูราคาของนม DHA คูณ 4 มันค่อนข้างแพงค่ะ ถ้าดูแล้วคุ้มก็โอค่ะ แต่ถ้าไม่กินนมอะไรทดแทนนมแม่ดีคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น ครอบครัวสุขสันต์ วันที่ตอบ 2009-01-13 14:52:06 IP : 58.137.5.11


ความคิดเห็นที่ 2 (2960537)

http://www.breastfeedingthai.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=5361303&Ntype=1

ผู้แสดงความคิดเห็น admin วันที่ตอบ 2009-01-15 21:34:33 IP : 124.122.141.223


ความคิดเห็นที่ 3 (2963909)

พึ่งอ่านเจอในหนังสือพิมพ์เองค่ะเดี๋ยวไปค้นก่อนนะคะน่าสนใจมาก อ่านแล้วพอกันทีกัย คูณ4

ผู้แสดงความคิดเห็น ปุ๊ก วันที่ตอบ 2009-01-24 17:00:24 IP : 124.121.58.148


ความคิดเห็นที่ 4 (2963911)

แพทย์ห่วงภูมิแพ้ในเด็ก อาจเกิดจากการเสริมอาหารเกินจำเป็น
 
แพทย์ติงการเสริมอาหารสามสี่เท่าเกินความจำเป็น ในนมผงสูตรใหม่ๆเพราะผู้ผลิตบอกว่าจะช่วยให้ลูกน้อยพัฒนาเร็ว ฉลาด และอื่นๆ อีกมากมายจะเป็นประโยชน์จริงๆหรือเป็นการกระตุ้นเด็กจนทำให้มีโอกาสเกิดภูมิแพ้สูงกว่เด็กทั่วไป

ผศ. พญ. อรพรรณโพชนุกูล กุมารแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิแพ้ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิตและผู้ช่วยเลขานุการ สมาคมโรคภูมิแพ้และวิทยาภูมิคุ้มกันแห่งประเทศไทยกล่าวว่าการที่เด็กสัมผัสสารกระตุ้นชนิดใดชนิดหนึ่งมากเกินไปและติดต่อกันเป็นเวลานานมีโอกาสเป็นภูมิแพ้สูงกว่าเด็กทั่วไปสารกระตุ้นพวกนี้อาจมาจากอาหารที่มีสารบางชนิดในปริมาณมากเกินความจำเป็นที่รับประทานติดต่อกันนานๆหรือสารอื่นๆ ในสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ทำงานผิดปกติได้เช่นกันและนี่ก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ประเทศไทยมีผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิแพ้สูงถึงร้อยละ 40 โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เด็กอายุ 1-10 ขวบเป็นโรคภูมิแพ้มากขึ้นอย่างน่าเป็นห่วง

ผศ.พญ. อรพรรณ จึงแนะนำให้พ่อแม่ดูแลให้ลูกได้รับประทานอาหารอย่างหลากหลาย ครบ 5 หมู่ซึ่งนอกจากจะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการและการเจริญเติบโตให้ลูกแล้วยังลดโอกาสเกิดโรคภูมิแพ้ที่มีสาเหตุมาจากอาหารอีกด้วยรวมทั้งควรสังเกตว่าลูกมีอาการผิดปกติเมื่อรับประทานอาหารบางชนิดในชีวิตประจำวันหรือไม่หากสงสัยว่าลูกแพ้สารชนิดนั้นก็ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารชนิดนั้นเสีย

อาการภูมิแพ้จากการได้รับสารอาหารชนิดหนึ่งชนิดใดมากเกินไปจะแตกต่างกันไปในเด็กแต่ละคน บางคนอาจจะมีผื่นแดงทั่วผิวหนังบางคนอาจจะมีความผิดปกติในระบบทางเดินหายใจ เช่น คัดจมูก น้ำมูกไหลเรื้อรังบางคนออกอาการในระบบทางเดินอาหาร เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายเหลวขณะที่บางคนออกอาการทางระบบไหลเวียนโลหิต ทำให้เกิดอาการหน้ามืด เป็นลมบางคนมีหลายอาการร่วมกัน นอกจากนี้อาการภูมิแพ้จากอาหารแต่ละชนิดก็อาจแตกต่างกันไปอีกได้ซึ่งพ่อแม่ต้องหมั่นสังเกตอาการภูมิแพ้ของลูก เมื่อพบอาการที่น่าสงสัยควรจดรายการอาหาร และปริมาณที่ให้ลูกรับประทานประจำ เพื่อปรึกษาแพทย์

อาจารย์กฤษฎีโพธิทัต 1 ใน 5 นักโภชนาการและนักกำหนดอาหารชั้นนำของไทยกล่าวว่าปัจจุบันคนไทยได้รับข้อมูลข่าวสารด้านโภชนาการมากมายจากสื่อหลากหลายรูปแบบโดยไม่ทราบว่าควรหรือไม่ควรเชื่อข้อมูลใด ทำให้บางคนหลงทางหันไปรับประทานอาหารที่เสริมคุณค่าสารอาหารบางอย่างตามที่มีการโฆษณาหรือเผยแพร่ข้อมูลทางสื่อ เรียกว่ารับประทานอาหารตามกระแส

ซึ่งสารประกอบที่มีการเพิ่มเติมในอาหารเหล่านั้น อาจมีประโยชน์ต่อร่างกายก็จริงอยู่แต่บางอย่างนั้นร่างกายจะนำไปใช้ประโยชน์ได้ก็ต่อเมื่อได้รับจากแหล่งธรรมชาติหรือในรูปของสารตั้งต้นเท่านั้น

ปัจจุบันคนไทยเห่อซื้อผลิตภัณฑ์อาหารสูตรพิเศษต่างๆที่มีราคาแพงลิบลิ่วมารับประทานเสริมสุขภาพ ตัวอย่างที่ผ่านมา เช่นกระแสความนิยมสารสกัดจากชาเขียว ตามด้วยเครื่องดื่มเสริมคอลลาเจนผลิตภัณฑ์เสริมงาดำจำนวนมาก และล่าสุด คือ นมผงสำหรับเด็กที่มีส่วนผสมของ DHA 3-4 เท่า เพราะพ่อแม่คิดว่าจะทำให้ลูกฉลาดกว่าเด็กคนอื่นซึ่งผู้บริโภคจำนวนมากไม่เข้าใจว่าร่างกายจะสามารถดึงสารอาหารเหล่านั้นไปใช้ได้มากน้อยเพียงใดและมีคุณประโยชน์จริงๆ กับลูกสักแค่ไหนทั้งนี้สารอาหารในปริมาณสูงบางชนิดจะเหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะขาดสารอาหารนั้นๆแต่สำหรับผู้ที่ปกติแล้วสารอาหารที่ได้รับเกินความต้องการของร่างกายก็ไม่ได้เกิดประโยชน์แต่อย่างใดจึงเป็นการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ

นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์อาหารที่มีการปรุงแต่งสารเหล่านี้ลงไปมักมีราคาแพงกว่าผลิตภัณฑ์ชนิดเดียวกันจริงอยู่ที่สารประกอบเหล่านั้นมักเป็นสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายแต่หากได้รับในปริมาณที่เกินพอดีก็จะเป็นการสิ้นเปลืองเงินทองโดยเปล่าประโยชน์เพราะร่างกายอาจนำมาใช้ได้ไม่หมดและอาจก่อให้เกิดโทษยังมีอาหารเสริมอีกหลายชนิดที่ไม่มีหลักฐานยืนยันจากผู้เชี่ยวชาญว่ามีประโยชน์จริงดังนั้นผู้บริโภคควรปรับวิธีการ เลือก ซื้อผลิตภัณฑ์อาหารอย่างชาญฉลาดและคุ้มค่าโดยเราสามารถเลือกรับประทานอาหารที่ให้คุณค่าเพียงพอกับความต้องการของร่างกายแต่ราคาถูกกว่าได้ เพื่อให้ได้ประโยชน์เต็มที่และไม่ก่อให้เกิดโทษกับเรา

ผู้แสดงความคิดเห็น ปุ๊ก วันที่ตอบ 2009-01-24 17:06:16 IP : 124.121.58.148


ความคิดเห็นที่ 5 (2963964)

ค่ะ เห็นด้วยกะคุหมอค่ะ รู้สึกว่าเด๋วนี้คนไทยเห่อซื้ออาหารเสริมสูตรพิเศษกันเยอะเลยค่ะ

ตั้งแต่อาหารเสิรมคนผู้ใหญ่ คนชรา กระทั่งวัยรุ่น จนนี่มาเป็นเติมอาหารเสริม 5- 6 เท่าให้เด็กกันแล้ว โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ว่าอาจก่อให้เกิดผลเสียได้

ผู้แสดงความคิดเห็น นิด วันที่ตอบ 2009-01-24 21:32:06 IP : 222.123.112.127


ความคิดเห็นที่ 6 (2964125)

ดิฉันว่าทางที่ดีที่สุดพ่อ แม่ (และคนไทยหลายๆคน) ควรพิจารณาให้ดีก่อนซื้อเพราะสินค้าเหล่านี้มีการอวดอ้างสรรพคุณเกินจิงตลอดเวลา อย่าตกเป็นเหยื่อ

ผู้แสดงความคิดเห็น สมร วันที่ตอบ 2009-01-25 15:24:49 IP : 203.118.84.61


ความคิดเห็นที่ 7 (2964509)

อยากให้ลูกฉลาด ต้องเลี้ยงลูกอย่างฉลาด 

ใส่ใจเรื่องการเลี้ยงดู จะทำให้ลูกฉลาดมากกว่าค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น แม่น้องแอม วันที่ตอบ 2009-01-26 18:00:22 IP : 124.120.124.54


ความคิดเห็นที่ 8 (3288977)

ลูกสาวดิฉันตอนนี้อายุ 4 ปี มีอาการไอเรื้อรังมานานตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2554 ตอนนี้วันที่ 1 พฤศจิกายน 2554 เป็นเวลา 5 เดือนแล้ว  ตั้งที่ก่อนหน้านี้ตั้งแต่คลอดมาไม่เคยเป็นมาก่อน ตอนแรกไอเรื้อรังประมาณ 4 สัปดาห์ไปหาหมอที่คลีนิคอแห่งหนึ่งในจังหวัดพัทลุง เอ็กซเรย์ปอดบอกว่าปอดบอม กินยาไป 3 ชุด พอหมดยาก็เป็นอีก ไปหาหมอที่โรงพยาบาลเอ็กซเรย์ปอดอีกครั้งไม่มีเชื้อปอดบวม วินิจฉัยว่าน่าจะเป็นหวัด ให้ยาฆ่าเชื้อและยาอื่นที่เกี่ยวข้อง 3 ชุด ก็ทุเลา พอยาหมดก็กลับมาเป็นอีก คราวนี้ไปหาหมอที่โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ สาขารัตนาธิเบศ หมอบอกว่าหลอดลมติดเชืื้อ ถามหมอว่าต้องเอ็กซเรย์ปอดไหม หมอบอกว่าไม่ต้องเพราะมีเสียงหวีดมาจากข้างใน ให้พ่นยา 1 ครั้ง  กลับบ้าน ประมาณตี 1 ของคืนนี้ ลุกมีอาการหายใจรุนแรงมากและมีเสียงครางออกมาเหมือนคนป่วยหนัก ก็ตัดสินใจส่งลูกเข้าโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ทันที (เป็นโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่พักที่สุด)  หมอจับชีพจรบอกว่าเด็กต้องให้อ๊อกซิเจนด่วนเพราะชีพจรเต้นเร็วมาก และเอ็กซเรย์ปอดบอกว่าปอดอักเสบ ให้นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ก็รักษาอยู่ 2 วัน 2 คืน ปรากฎว่าลูกสาวหาย หลังจากนั้นกลับพัทลุง ประมาณ 1 สัปดาห์  ก็เริ่มไออีกแล้ว (ทุกครั้งที่ไอจะอาเจียนทุกครั้ง) ก็ไปหาหมออยู่เรื่อยหมอก็บอกว่าหลอดลมติดเชื้อ ก็ทานยาเหมือนเดิม จนยาหมดก็เป็นอีก จนทุกวันนี้ไม่รู้จะทำอย่างไร กินยามากก็กลัวมีปัญหากับตับ ลืมบอกไปค่ะว่า ช่วงหลังนี้ลูกจะมีอาการไอตอนกลางคืน  นอนกรน คุณหมอพอจะวินิจฉัยได้ไหมคะว่าลูกดิฉันเป็นอะไรแน่  ควรรักษาตัวอย่างไร หรือให้รักษากับคุณดิฉันก็ยอมพาลูกไปรักษาที่กรุงเทพค่ะ  ก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายเกินไป  เพราะดิฉันเพิ่งเจอเพื่อนของดิฉันไอเรื้อรังเหมือนกันเพิ่งเสียชีวิตไปเพราะปอดติดเชื้อ จนร่างกายต่อต้านการรักษา ดิฉันกลัวมากค่ะ  ลูกของดิฉันทานนมยี่ห่อหนึ่งที่มี DHA 4 เท่ามาตั้งแต่อายุ 6 เดือน จนถึงบัดนี้ มันจะเกี่ยวกันไหมคะ  ร้อนใจมากคะ กรุณาตอบด่วนนะคะ  ขอบคุณค่ะ            จากสุนันทา

ผู้แสดงความคิดเห็น สุนันทา (dsunanta2008-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2011-11-01 23:16:22 IP : 118.173.176.144



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล *
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล