ReadyPlanet.com


นับถอยหลังวันไปโรงเรียน


จากลูกน้อยซึ่งถูกห้อมล้อมมอบความรักอยู่ที่บ้าน ในที่สุดช่วงเวลาสำคัญที่หนูน้อยต้องเรียนรู้โลกกว้างอีกขั้นด้วยการจากบ้านไปโรงเรียนก็มาถึง เปรียบไปก็ไม่ต่างจากลูกนกปีกอ่อนที่ต้องเรียนรู้ที่จะขยับปีกบินอยู่ในอากาศให้ได้ด้วยตัวเอง แน่นอนว่าย่อมจะต้องตื่นเต้นหวาดหวั่น ไม่มั่นใจ กับประสบการณ์แปลกใหม่ที่ไม่คุ้นเคยนี้

            แล้วจะทำอย่างไรให้การเรียนครั้งแรกนักเรียนตัวน้อยคนใหม่ราบรื่น ไม่เต็มไปด้วยเสียงสะอื้นและคราบน้ำตา?

            ค้นพบวิธีช่วยให้ลูกรับมือการจากบ้านไปโรงเรียนได้ใน Special ฉบับนี้…ที่จะมาชวน Modern Mom อย่างคุณกับลูก นับถอยหลังเตรียมพร้อมไปโรงเรียนอย่างมีความสุขไปด้วยกัน

พร้อมแล้ว 5 4 3 2 1 ไปกันเลย… เย้ๆๆ


12 WEEKS ก่อนเปิดเทอม

            ช่วงนี้เป็นช่วงที่คุณแม่กับคุณพ่อต้องเตรียมการและจัดการเรื่องเลือกโรงเรียนที่ลูกจะไปเรียนให้เรียบร้อยค่ะ (โรงเรียนอนุบาลบางแห่งปิดปิดรับสมัครเร็วมาก อาจจะต้องเช็กข้อมูลล่วงหน้าไว้หลายๆ เดือนหน่อยจะได้ไม่พลาดโอกาสนะคะ)

            ตัดสินใจเลือกโรงเรียน หลังจากทำการบ้านเก็บข้อมูลโรงเรียนอยู่พักใหญ่ ช่วงนี้คงต้องถึงเวลาตัดสินใจเลือกโรงเรียนให้ลูกได้เสียที โดยคุณแม่อาจจะคัดโรงเรียนในดวงใจให้เหลืองเพียงสัก 2-3 โรงเรียนสุดท้ายแล้วชวนคุณพ่อและคุณลูกไปสำรวจโรงเรียนแบบเข้มข้นอีกครั้ง เพื่อจะได้ถือโอกาสพูดคุยกับอาจารย์ถึงแนวการสอน ปรัชญาโรงเรียน สังเกตบรรยากาศ รวมถึงค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมถึงปฏิกิริยาของลูกกับโรงเรียนแต่ละแห่ง เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจด้วย ว่าแต่พยายามไปวันที่มีการเรียนการสอนตามปกตินะคะ จะได้เห็นบรรยากาศจริงๆ ของโรงเรียนค่ะ

            เตรียมพร้อมสำหรับการสมัคร เมื่อตัดสินใจเลือกโรงเรียนให้ลูกได้แล้ว คราวนี้ก็ได้เวลาเตรียมพร้อมสำหรับการสมัครเข้าเรียนเป็นนักเรียนคนใหม่แล้ว

สิ่งที่ต้องเตรียม

            -  เอกสารสำหรับการสมัคร เช่น ใบสมัคร สูติบัตร รูปถ่าย ฯลฯ

            -  เช็กกำหนดการในวันสมัครต่างๆ เช่น วันสุดท้ายของการรับสมัคร วันปฐมนิเทศ ประชุมผู้ปกครอง ซื้อหนังสือ เสื้อผ้า รองเท้า ฯลฯ เพื่อจะได้วางแผนสำหรับการลางานมาโรงเรียนได้สะดวก

            -  เตรียมค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ในวันสมัครเรียน วิธีการชำระเงินรวมถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่จำเป็น จะได้วางแผนเรื่องนี้ได้ไม่พลาด


แนวการเรียนการสอน

แนวเตรียมความพร้อม เน้นการจัดกิจกรรมต่างๆ ที่สอดคล้องกับพัฒนาการตามวัยทั้ง 4 ด้าน คือร่างกาย จิตใจ สังคม และสติปัญญา โดยจะเน้นให้เด็กได้ฝึกฝนทักษะต่างๆ มากกว่าการท่องจำอ่านเขียน

ชายด์เซ็นเตอร์ (Child Center)
            เป็นแนวการสอนที่ยึดเด็กเป็นศูนย์กลาง ยึดที่ผู้เรียนเป็นสำคัญ โดยครูต้องช่วยจัดหลักสูตร แนวปฏิบัติสื่อการเรียนการสอนที่เหมาะสมกับวัยและพัฒนาการของเด็ก

โปรเจกต์แอบโพรช (Project Approach)
            เป็นแนวการสอนที่บูรณาการวิชาต่างๆ เข้าด้วยกันผ่านการสืบค้นข้อมูลตามโครงการหรือเรื่องที่เด็กสนใจและเหมาะกับการเรียนรู้ โดยมีคุณครูเป็นผู้ชี้แนะและเป็นที่ปรึกษา

โฮลแลงเกวช (Whole Language)
            เป็นการสอนที่แทรกไปกับการเรียนรู้ภาษา ทั้งการพูด การเขียน และการอ่าน ซึ่งเด็กจะเรียนรู้จากความหมาย ประสบการณ์และการเลียนแบบ เป็นการเรียนภาษาอย่างเป็นธรรมชาติ

มอนเตสซอรี (Montessori)
            เป็นแนวการสอนที่เน้นการเรียนรู้เป็นรายบุคคล เรียนรู้ด้วยตนเอง มีอิสระในการเลือกทำอุปกรณ์การสอนที่ครูเตรียมไว้เป็นการฝึกทำ ลองผิดลองถูก โดยครูจะสังเกตและอำนวยความสะดวกให้กับเด็ก

วอลดอร์ฟ (Waldolf)
            เป็นแนวการศึกษาที่บูรณาการวิชาการไปกับกิจกรรมต่างๆ โดยมีครูคอยดูแลและอำนวยความสะดวกการจัดบรรยากาศในการเรียนการสอนที่เน้นความงดงามของธรรมชาติทั้งกลางแจ้งและในห้องเรียนเพื่อเอื้อให้เด็กเกิดการเรียนรู้ได้อย่างดี และดึงศักยภาพมาใช้ได้อย่างพอเหมาะ

8 WEEKS ก่อนเปิดเทอม

            ช่วงนี้เรียกได้ว่าเป็นช่วงสร้างบรรยากาศในการไปโรงเรียนให้เกิดขึ้นในบ้าน ถือเป็นการโหมโรงให้เจ้าตัวเล็กของคุณแม่คุ้นเคยและรู้สึกดีกับคำว่าโรงเรียนนั่นเองค่ะ

สร้างบรรยากาศ อยากไปโรงเรียน

            -  ถ้าหากที่บ้านมีพี่ ญาติที่โตกว่า หรือเพื่อนบ้านที่วัยไล่เลี่ยกันก็จะสบายง่ายขึ้น เพราะน้องหนูอนุบาลคนใหม่จะเห็นพี่ๆ ไปโรงเรียนมาบ้างแล้ว (แถมบางทียังร้องตามอยากไปโรงเรียนเหมือนพี่ๆ ด้วยซ้ำไป) คุณแม่ก็เพียงย้ำให้รู้ตัวว่า อีกไม่นานลูกก็จะได้ไปโรงเรียน ได้แต่งชุดนักเรียนสวยๆ หล่อๆ เหมือนกับพี่ๆ เขาแล้ว

            -  หาหนังสือนิทานที่มีเรื่องราวสนุกสนานเกี่ยวกับโรงเรียน หรือข้อเสียของการที่ไม่ได้ไปเรียนหนังสือมาอ่านมาเล่าให้ลูกฟัง เช่น มังกรไฟไม่เรียนหนังสือ สนพ.เวิร์คพอยท์ หนูรักโรงเรียน วรรณาบุ๊คส์ เป็นต้น

            -  ชวนลูกคุยถึงเรื่องการไปโรงเรียน เป็นต้นว่า ที่ลูกไปเห็นโรงเรียนมาเป็นอย่างไร อยากไปเล่นที่สนามเด็กเล่นหรือไปนั่งชิงช้าเล่นกับเพื่อนๆ อีกไหม ฯลฯ รวมถึงอาจจะลองชวนลูกเล่นสมมติเป็นครู-นักเรียนดู เพื่อสร้างความคุ้นเคยกับการไปโรงเรียนให้มากขึ้น

            ฝึกอยู่ร่วมกับคนแปลกหน้า การที่ต้องแยกจากคุณพ่อคุณแม่ไปอยู่กับคุณครูที่ไม่คุ้นเคยกันมาก่อน (ถึงจะดูใจดีก็ตามเถอะ) ย่อมจะทำให้หนูกลัวว่าเมื่อพลัดพรากจากคุณพ่อคุณแม่ไปแล้วจะไม่ได้มาเจอกันอีก ซึ่งความรู้สึกกลัวการพลัดพราถือเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นกับเด็กวัยนี้ค่ะ เพราะฉะนั้นคุณแม่คงต้องค่อยๆ สร้างความคุ้นเคยในการอยู่ร่วมกับคนอื่นๆ โดยไม่ต้องมีคุณพ่อหรือคุณแม่อยู่ด้วยให้ลูกเพิ่มมากขึ้น ด้วยการพาลูกไปเล่นที่สวนสาธารณะเพื่อให้ลูกไปเล่นกับคนอื่น โดยเพียงคอยเผ้าสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ หรือปล่อยให้ลูกไปเที่ยวกับญาติคนอื่นหรือไปเล่นอยู่ที่บ้านยาติ เพื่อนบ้านโดยไม่มีพ่อแม่ไปด้วยบ้าง

            นอกจากนั้นอาจจะปล่อยให้ลูกอยู่ลำพัง แล้วคุณแม่หายหน้าไปทำธุระอื่นๆ บ้างโดยที่บอกกันให้รู้ ก็เป็นการฝึกให้ลูกรู้ว่า คุณพ่อคุณแม่หายหน้าไปแต่เดี๋ยวก็จะกลับมาใหม่ ไม่ต้องกลัวหรอก

            ดูซิ…ทำเองได้หรือยัง อีกไม่นานก็จะต้องไปโรงเรียนแล้วคุณแม่ก็คงต้องเช็กกันหน่อยล่ะค่ะ ว่าที่นักเรียนคนใหม่ดูแลช่วยเหลือตนเองในเรื่องอะไรได้บ้างแล้ว จะได้เตรียมฝึกและสอนให้เป็นก่อนเปิดเทอม ไม่งั้นลูกจะลำบากแย่เชียวค่ะ


4 WEEKS ก่อนเปิดเทอม

            ถือเป็นช่วงโค้งสุดท้ายในการช่วยลูกเตรียมพร้อมและปรับตัวกับการเป็นนักเรียนใหม่ โดยสิ่งที่ควรเตรียมตัวเพิ่มเติมก็มี…

            ปรับเวลากิน นอนจากที่เคยจะกินจะนอนตอนไหนก็ได้ตามใจ คุณแม่คงต้องปรับเวลาในการทำกิจวัตรประจำวันต่างๆ ให้สอดคล้องกับช่วงเปิดเทอมของลูกให้มากที่สุด โดยเฉพาะเวลาเข้านอนและเวลาตื่น โดยค่อยๆ ปรับให้ลูกนอนเร็วขึ้นและตื่นเช้าขึ้นวันละ 10-15 นาทีจนเข้าที่ (ตรงกับเวลาที่ออกจากบ้านเมื่อเปิดเทอม) เพราะไม่อย่างนั้นถ้าลูกนอนดึกแล้วถูกปลุกให้ไปโรงเรียน พอนอนไม่พอเจ้าตัวเล็กได้หงุดหงิดออกฤทธิ์เป็นแน่

            ส่วนอีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือเรื่องกินค่ะ คงต้องปรับเวลากินอาหารของลูกให้เป็นระบบมากขึ้น อาหารเช้า ของว่างมื้อเช้า อาหารกลางวัน และของว่างตอนบ่าย เพื่อให้จำนวนมื้อและเวลาใกล้เคียงกับที่โรงเรียนก็จะทำให้ร่างกายของลูกปรับตัวกับช่วงเวลานี้ได้ง่ายขึ้น

            เตรียมเสื้อผ้าของใช้ให้ครบ แม้โรงเรียนอนุบาลส่วนใหญ่จะอำนวยความสะดวกเรื่องเสื้อผ้าหนังสือให้ (มีให้ซื้อครบ) แต่ก็มีบางส่วนที่อาจจะต้องไปหาซื้อเพิ่มเติม เช่น กระเป๋า รองเท้า ถุงเท้า กระติกน้ำ สีเทียน สีไม้ เครื่องเขียนประจำตัว ฯลฯ ซึ่งคุณแม่อย่าลืมชวนลูกไปเลือกซื้อด้วยกันนะคะ จากนั้นก็ให้เอามาลองสวมใส่อวดคนในบ้าน เมื่อได้รับคำชมก็จะช่วยสร้างสีสันกระตุ้นให้นักเรียนคนใหม่อยากไปโรงเรียนมากขึ้นได้มากทีเดียวเชียวค่ะ

            วางแผนเรื่องงาน คุณแม่รวมถึงคุณพ่อคงต้องเตรียมเคลียร์งานต่างๆ สำหรับการลาหยุดหรือมอบหมายให้เพื่อนร่วมงานช่วยทำแทนให้เรียบร้อยในช่วงที่ต้องทำธุระในช่วงก่อนเปิดเทอม รวมถึงช่วงแรกๆ ของการเปิดเทอมด้วย ถ้าลางานไม่ได้จริงๆ อาจจะต้องจัดคิวกันให้ดีว่าจะสลับกันไปวันไหน วันไหนที่ไปได้พร้อมกันทั้งคู่

            ฝึกลูกดูแลตนเอง คุณแม่ยังต้องเน้นการฝึกลูกให้ดูแลและช่วยตัวเองด้วยความใจเย็นและสม่ำเสมอ แม้ในช่วงแรกๆ ลูกยังทำด้วยความเก้งก้างชักช้าไม่ทันใจไปบ้าง แต่ต้องไม่รีบเข้าไปช่วยทำให้แทน และควรชมเชยทุกครั้งเมื่อลูกทำได้สำเร็จเพื่อเป็นกำลังใจ

2 WEEKS ก่อนเปิดเทอม

            ช่วงนี้คุณพ่อคุณแม่คงต้องเตรียมการเกี่ยวกับการเดินทาง งานการต่างๆ ให้เรียบร้อย รวมถึงให้สมาชิกในบ้านช่วยกันสร้างบรรยากาศและทัศนคติที่ดีต่อการไปโรงเรียนให้เบ่งบานในใจลูกด้วย

            สำรวจเส้นทาง ที่จอดรถ คุณแม่อาจจะเคยไปโรงเรียนในช่วงที่การจราจรคลายจราจลไปแล้ว ในช่วงที่เปิดเทอมใหม่ๆ ส่วนใหญ่แล้วรถจะติดแถมหาที่จอดรถยากมาก (โดยเฉพาะโรงเรียนอนุบาล) ขอแนะนำให้คุณแม่และคุณพ่อสำรวจเส้นทาง รวมถึงทางลัดต่างๆ เตรียมไว้เพื่อจะได้มาโรงเรียนอย่างสะดวกรวดเร็วและใช้เวลาสั่นที่สุด นอกจากนั้นอย่าลืมสอบถามคุณครูหรือเพื่อผู้ปกครองถึงที่จอดรถที่สะดวกว่ามีตรงจุดไหน ถ้าจำเป็นจะได้ติดต่อเช่าไว้ล่วงหน้าเพื่อความสะดวก

            คนรับส่ง ดูแลหลังเลิกเรียน อีกเรื่องที่ต้องวางแผนให้ดีก็คือการรับส่งนักเรียนตัวน้อยค่ะ ตอนเช้าใครไปส่ง (แน่นอนว่าช่วงแรกคุณพ่อคุณแม่ควรไปให้กำลังใจทั้งคู่) ตอนเย็นใครจะไปรับ ใครดูแลหลังเลิกเรียนหรือจะรับมาไว้ที่ออฟฟิศก่อนแล้วกลับบ้านพร้อมกัน ที่บริษัทอนุญาตให้พาเด็กมาได้หรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องเช็กและเตรียมการให้ดีค่ะ

            ไม่ขู่ให้กลัว ควรย้ำกับทุกคนในบ้านไม่ให้เอาการไปโรงเรียนและคุณครูมาขู่ให้เด็กกลัว เช่น ดื้ออย่างนี้เดี๋ยวคุณครูตีนะ หรือซนนักเดี๋ยวทิ้งไว้ที่โรงเรียนซะเลย ฯลฯ เพราะนั่นจะยิ่งทำให้เด็กเกิดความรู้สึกลบกับคุณครูและโรงเรียนได้โดยไม่จำเป็น ทางที่ดีควรเล่าให้ลูกฟังถึงประสบการณ์สนุกๆ ตอนไปโรงเรียนครั้งแรก ถ้ามีรูปสมัยเรียนอนุบาลมาประกอบด้วยจะยิ่งดีเพราะจะทำให้นักเรียนตัวน้อยรู้ว่าทุกคนต้องไปโรงเรียนเหมือนกันทั้งนั้น ตอนเป็นเด็กพ่อแม่ก็ยังไปเลย


1 DAY ก่อนเปิดเทอม

            ถือเป็นวันสุกดิบที่จะต้องเตรียมการให้พร้อม เพื่อให้วันแรกของการเปิดเทอมของลูกน้อยราบรื่นมากที่สุดค่ะ

            เตรียมข้าวของให้พร้อม ก่อนเข้านอนตระเตรียมข้าวของให้พร้อม ชวนลูกจัดของเตรียมไปโรงเรียนด้วยกันอย่าลืมเตรียมของชิ้นโปรด ไม่ว่าจะเป็นหมอนเหม็น พี่หมีสุดโทรม ก็ชวนกันไปด้วยให้อุ่นใจ พร้อมตบท้ายวันนี้ด้วยการเล่านิทานเกี่ยวกับความสนุกที่โรงเรียนให้ฟังก่อนนอน

            เข้านอนเร็วขึ้น วันนี้ให้ลูกเข้านอนเร็วกว่าเดิมสักนิดเพื่อให้ลูกพักผ่อนเต็มที่ ตื่นขึ้นมาตอนเช้าจะได้สดใสพร้อมไปโรงเรียน

            วางแผนให้ดี คุณแม่คงต้องวางแผนรับมือเช้าวันปิดเทอมให้ดีค่ะ โดยเฉพาะเรื่องเวลาวันแรกอย่างนี้อาจจะต้องตื่นเช้าเผื่อเวลาเร็วขึ้นสัก 30 นาที กันฉุกละหุกค่ะ ให้คุณพ่อช่วยจัดการดูแลลูกเรื่องอาบน้ำแต่งตัว ในขณะที่คุณแม่มาเตรียมอาหารเช้าของลูกและสมาชิกในบ้านรวมจัดการเรื่องอื่นๆ ให้เรียบร้อย เช่น ปั๊มนม ทำอาหารเสริมเตรียมไว้สำหรับลูกอีกคน ฯลฯ ก่อนออกจากบ้าน

            ไม่กังวลเกินไป ท่าทีที่สบายๆ ดูไม่กังวลหรือเครียดของคุณแม่จะช่วยให้ลูกรู้สึกว่าการไปโรงเรียนเป็นเรื่องปกติและไม่น่ากลัวอะไรนัก อย่าลืมนะคะว่าเด็กๆ เขาก็แอบสังเกตท่าทีและปฏิกิริยาของคุณอยู่เหมือนกัน


Checklist หนูพร้อมไปโรงเรียน

            นอกจากพัฒนาการทางด้านร่างกายต่างๆ ที่เป็นไปตามวัยแล้ว ลองมาดูกันซิว่าลูกของคุณแม่มีทักษะในการดูแลตัวเองและอยู่ร่วมกับผู้อื่นต่อไปนี้หรือยัง

            -  ดื่มน้ำ ตักอาหารกินเอง
            -  บอกปวดฉี่ ปวดอึ สามารถไปห้องน้ำได้เองและทำความสะอาดได้แม้ว่าจะไม่สะอาดเท่าไรนัก
            -  สวมเสื้อผ้าเองได้ ติดกระดุมเสื้อเป็น
            -  ใส่และถอดรองเท้าเองได้
            -  แปรงฟันเองได้
            -  ล้างหน้า ล้างมือ และเช็ดให้แห้งได้
            -  ใช้กระดาษชำระหรือผ้าเช็ดหน้าได้
            -  ทำงานบ้านง่ายๆ เป็น เช่น เก็บที่นอน พับผ้า
            -  ทำกิจกรรมอื่นๆ อย่างมีความสุขได้แม้จะไม่ได้อยู่กับพ่อแม่หรืออยู่ที่บ้าน
            -  จำชื่อจริงและนามสกุลของตัวเองได้
            -  จำชื่อคุณพ่อคุณแม่ได้
            -  จำของของตัวเองได้
            -  พูดโต้ตอบกับคนอื่นได้
            -  พูดให้คนอื่นเข้าใจได้
            -  ตอบเมื่อมีผู้ใหญ่ถาม
            -  ทำตามคำสั่งง่ายๆ ได้
            -  รู้จักฟังคนอื่น มีสมาธิในการฟัง
            -  เล่นและคุยกับเด็กคนอื่นๆ โดยไม่ทะเลาะกันทุกครั้งไป
            -  แบ่งหรือสลับใช้ของต่างๆ กับเด็กคนอื่นได้
            -  พูดโต้ตอบเมื่อมีผู้ใหญ่ถาม
            -  ปฏิบัติตามข้อตกลงหรือกฎระเบียบที่ไม่ซับซ้อนได้

            ถ้าหากลูกของคุณแม่ทำได้แล้วเป็นส่วนใหญ่ก็สบายใจไปได้มากกว่า เจ้าตัวเล็กของคุณแม่ค่อนข้างพร้อมสำหรับการไปโรงเรียนแล้ว แต่ถ้ายังทำตรงไหนไม่ได้ก็ต้องรีบฝึกรีบเทรนเพื่อให้ทันตอนเปิดเทอมค่ะ


5 ทริกรับมือ…วันเปิดเทอม

            -  ใจเย็น ถึงลูกจะเริ่มวีน ออกฤทธิ์ หรืองอแงไม่อยากไปโรงเรียน คุณแม่ก็ต้องใจเย็นที่จะพาลูกมาโรงเรียน พร้อมอธิบายให้ลูกฟังว่าเด็กๆ ทุกคนต้องไปโรงเรียนที่โรงเรียนมีเพื่อนๆ เล่นกับหนูเต็มเลย สนุกดีออก

            -  เข้มแข็ง คุณแม่หลายคนพอเห็นลูกร้องไห้ก็อดสงสารมีน้ำหูน้ำตาร้องตามลูกไม่ได้ ขอบอกว่าการทำแบบนั้นจะยิ่งทำให้ลูกไม่มั่นใจและกลัวการไปโรงเรียนมากขึ้น ว่าโรงเรียนต้องมีอะไรแน่ๆ คุณแม่ถึงร้องไห้ที่เรามาโรงเรียน เพราะฉะนั้นต้องเข้มแข็งและทำให้ลูกเห็นว่าการไปโรงเรียนเป็นปกติธรรมดาแถมยังมีเรื่องสนุกให้ทำอีกด้วย

            -  สร้างความคุ้นเคย คุณแม่ควรสร้างความคุ้นเคยกับคุณครูของรวมถึงผู้ปกครองคนอื่นๆ เพื่อให้ลูกรู้สึกว่าที่โรงเรียนมีแต่คนที่แม่รู้จักจึงไม่ใช่ที่ที่น่ากลัวแต่อย่างใด วิธีนี้ยังเป็นการสร้างเพื่อนใหม่ๆ ให้กับลูกและตัวคุณพ่อคุณแม่เองด้วย

            -  ไม่หนีหายไปเฉยๆ ส่วนใหญ่แล้วทางโรงเรียนจะค่อยๆ ให้นักเรียนคนใหม่ได้มีเวลาสร้างความคุ้นเคยกับโรงเรียนก่อนสักระยะหนึ่ง วันแรกๆ จึงอาจจะให้มาอยู่ที่เรียนเพียง 1-2 ชั่วโมงพร้อมคุณพ่อคุณแม่ จากนั้นจึงเพิ่มเวลาให้นานขึ้นพร้อมกับลดเวลาที่คุณพ่อคุณแม่จะอยู่ด้วยลง เพราะฉะนั้นอยากให้คุณพ่อคุณแม่อยู่กับลูกเท่าที่โรงเรียนอนุญาต โดยเมื่อถึงเวลาที่จะต้องไปทำงานก็มาบอกลูกว่าพ่อกับแม่ต้องไปทำงาน แล้วพอโรงเรียนเลิกมารับอย่าหนีหน้าหายไปเลยเพราะจะยิ่งทำให้ลูกตกใจขวัญเสียว่าถูกทิ้งเสียมากกว่า

            -  มารับตรงเวลา เมื่อถึงเวลาที่โรงเรียนเลิก คุณแม่คุณพ่อต้องมารับลูกให้ตรงเวลา อย่าผิดนัดเรื่องเวลารับกับลูกเด็ดขาด เพราะการผิดสัญญาจะทำให้ลูกไม่เชื่อมั่นว่าคุณจะมารับเขาแน่หรือเปล่า เลยทำเอากลัวทิ้งไม่อยากมาโรงเรียนได้


            เป็นอย่างไรบ้างคะ "กลเม็ดชวนลูกนับถอยไปโรงเรียนแบบมีความสุข" ที่ตั้งใจเอามาฝาก Modern Mom ในครั้งนี้ หากเตรียมการดีฝึกความพร้อมให้ลูกอย่างเหมาะสม วันเปิดเทอมก็จะเป็นวันเริ่มต้นประสบการณ์ใหม่ที่มีแต่รอยยิ้มสดใส ไร้เสียงร้องไห้และคราบน้ำตาจากนักเรียนตัวน้อยวัยซนของคุณแม่อย่างแน่นอนค่ะ

 

ที่มา : http://www.magickidschool.com/articledetail.php?id=438&type=9



ผู้ตั้งกระทู้ MGK :: วันที่ลงประกาศ 2009-01-30 11:16:30 IP : 124.120.176.131


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล *
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล