เหล่าคุณพ่อคุณแม่คงตั้งคำถามกันบ้างว่า เหตุใด ประกันอุบัติเหตุเด็ก จึงสำคัญ ครอบครัวใดมีบุตรหลานในช่วงวัยกำลังซน ย่อมต้องรู้ว่าจำเป็นต้องดูแลเด็กอย่างใส่ใจใกล้ชิด ไม่ให้คลาดสายตา เพราะเด็กมีนิสัยซุกซนอยากรู้อยากเห็น แต่การป้องกันอาการเจ็บป่วยและอาการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุของเด็กนั้นทำได้ยาก ประกัน สุขภาพ อุบัติเหตุ SCB Protect สำหรับเด็ก จึงเป็นตัวช่วยเพื่อเพิ่มความอุ่นใจ และลดภาระค่าใช้จ่ายเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันของเด็ก ๆ ได้ดี ไม่ว่าจะเป็น แผลถลอก ไฟดูด หรือน้ำร้อนลวกก็ตาม

เหตุผลที่ ประกัน อุบัติเหตุ เด็ก ได้รับความนิยม

1.   เด็กคือช่วยวัยแห่งการเรียนรู้ ช่วงที่เด็กกำลังเจริญเติบโต เป็นช่วงวัยที่เขาควรได้ทดลองเรียนรู้ ลงมือทำในสิ่งต่าง ๆ ด้วยตนเอง เพื่อให้เป็นการเจริญเติบโตตามวัย ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมในห้องหรือกิจกรรมกลางแจ้ง เพราะความอยากรู้อยากเห็นคือสิ่งสำคัญที่ทำให้เด็กได้มีพัฒนาการทางความคิด แต่ยิ่งทำกิจกรรมมาก ๆ ก็ยิ่งเกิดความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย

2.   เด็ก ๆ ไม่สามารถรู้ได้เองว่าสิ่งใดอันตรายหรือไม่ เพราะความอยากรู้อยากเห็น จึงทำให้เด็ก ๆ มองสิ่งของรอบตัวต่าง ๆ ว่าน่าลองจับลองสัมผัสไปหมด ไม่ว่าจะเป็นของมีคม ของเล่นสีสันฉูดฉาด สารเคมี ประทัด ปลั๊กไฟ วัตถุไวไฟ เป็นต้น ซึ่งทำให้มีโอกาสถูก ไฟดูด ถูกของมีคมบาด เกิด แผลถลอก หรืออันตรายอื่น ๆ ได้

3.      อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา อุบัติเหตุเกิดได้จากปัจจัยต่าง ๆ ของการใช้ชีวิต ผู้ปกครองอาจคลาดสายตาจากเด็กไม่กี่นาที ก็เกิดเหตุไม่คาดฝันได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าจะเป็นการหกล้ม การพลัดตกจากที่สูง ถูกรถเฉี่ยวชน แผลไฟไหม้ หรือจมน้ำได้

4.      เด็กไม่สามารถดูแลตัวเองได้ เมื่อเกิดเหตุร้ายแรง เด็ก ๆ มักไม่สามารถรับมือได้ด้วยตนเอง ไม่สามารถปฐมพยาบาลเบื้องต้น หรือร้องขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นได้ ดังนั้น ประกันสุขภาพอุบัติเหตุ สำหรับเด็กจึงเป็นตัวช่วยที่จะเข้ามาจัดการเรื่องค่ารักษาพยาบาลสำหรับเด็ก ๆ ได้อย่างทันท่วงที

5.      ความเสี่ยงที่มาจากคนรอบข้าง เมื่ออยู่ในสังคม ความเสี่ยงต่อเด็กก็อาจมาจากคนรอบตัว เด็กอาจโดนชนจนล้มโดยผู้ที่ขับขี่รถรา หรือได้รับอุบัติเหตุจากการเล่นกับเพื่อน ๆ นับเป็นปัจจัยที่ผู้ปกครองไม่สามารถควบคุมได้

หลักในการเลือก ประกันอุบัติเหตุเด็ก

1.   รูปแบบความคุ้มครอง ผู้ปกครองควรพิจารณาความคุ้มครองและแผนประกันภัยสำหรับเด็กอย่างละเอียดก่อนการตัดสินใจทำสัญญา โดยเฉพาะรูปแบบความคุ้มครองที่จะได้รับ วงเงินประกันเป็นอย่างไร ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในส่วนใดบ้าง เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าห้อง ค่ารถพยาบาล เป็นต้น

2.      ค่าเบี้ยประกัน ควรอยู่ในอัตราที่สามารถจ่ายได้ โดยไม่กระทบกับรายจ่ายอื่น ๆ ของครอบครัว เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของครอบครัว ความเสี่ยงของอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นกับเด็ก เป็นการเลือกประกันจากความคุ้มครองที่ต้องการ โดยอยู่ในวงเงินที่เหมาะสม เบี้ยประกันไม่ควรสูงเกินความจำเป็น หรืออาจพิจารณาทำประกันอื่น ๆ เสริมตามความเหมาะสม

3.      ความสะดวกในการใช้บริการ เมื่อเกิดปัญหาหรืออุบัติเหตุ ควรมองความสะดวกในการเคลมประกัน เช่น โรงพยาบาลในสัญญาประกันอยู่ในพื้นที่ที่อาศัยอยู่หรือไม่ การเคลมค่าใช้จ่ายสะดวกรวดเร็วหรือไม่ และการรักษาพยาบาลต้องสำรองจ่ายก่อนหรือไม่ เป็นต้น

4.      ความน่าเชื่อถือของบริษัทประกันภัย มาตรฐานความน่าเชื่อถือของบริษัท สามารถพิจารณาได้จากตัวแทนหรือเจ้าหน้าที่ว่ามีความเข้าใจในการอธิบายเงื่อนไขต่าง ๆ หรือไม่ ประวัติและชื่อเสียงของบริษัทเป็นอย่างไร เพื่อให้มั่นใจว่าเด็ก ๆ จะได้รับความคุ้มครองตามแผนประกันที่ทำสัญญาไว้อย่างแน่นอน