
นมแม่ดีแท้ จากแม่พี่จู-น้องเติ้ล ![]()
ส่วนคนที่ 2 ตั้งใจอย่างมาก และพยายามหาข้อมูลจากทุกทางเท่าที่จะหาได้ในโดยเริ่มตั้งแต่ตอนตั้งท้องค่ะ หาข้อมูลจากทั้งหนังสือ จากอินเตอร์เน็ต ถามจากผู้รู้ว่าทำอย่างไรจึงจะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ให้ได้นานที่สุด ท้องสองนี้ เต็มไปด้วยความกังวล ค่ะ ตั้งแต่ตั้งครรภ์ เริ่มจากตอนที่ยังไม่แน่ใจว่าตั้งครรภ์หรือเปล่า ที่บริษัทมีการตรวจสุขภาพประจำปี ผลการตรวจสุขภาพตอนนั้น พบว่า ดิฉันมีเม็ดเลือดแดงมีรูปร่างผิดปกติ (น่าจะเป็นพาหะธาลัสซีเมีย) หลังจากนั้นเมื่อรู้ตัวว่าตั้งท้องก็ไปฝากท้อง ที่โรงพยาบาลเอกชน คุณหมอตรวจเลือดอีกครั้งและดิฉันได้นำผลการตรวจสุขภาพจาก ทางบริษัท ให้คุณหมอดู คุณหมอบอกว่าต้องรอผลตรวจจากทางโรงพยาบาลอีกครั้งเพื่อยืน ยัน ผลปรากฏว่า ใช่ค่ะ คุณหมอบอก ว่าดิฉันเป็นพาหะค่ะ เค้าเรียกว่า เป็นเทรด ชนิด E (ไม่แน่ใจว่าภาษาอังกฤษเขียนอย่างไรค่ะ) คุณหมอ เลยต้องให้คุณพ่อตรวจซ้ำอีกครั้ง ผลออกมาเหมือนกันเลย หมอบอกว่า เป็นโรคที่พบบ่อยในคนใข้ที่มีพื้นแพทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แต่สิ่งที่ดิฉันสงสัยคือ ทำมัยตอนท้องแรก ไม่พบความผิดปกตินี้เลย และตอนท้องแรก คุณหมอได้ทำการตรวจแค่ตัวดิฉันคนเดียวไม่ได้เรียกคุณพ่อไปตรวจเลือดด้วย อันนี้ไม่แน่ใจว่า มาตรฐานการตรวจตอนตั้งครรภ์ของแต่ละที่เหมือนกันหรือเปล่า คุณหมอก็เล่าให้ฟังถึงผลที่จะตามมา ว่าหลักทางพันธุศาสตร์ จะต้องเป็นอย่างไร ตัวดิฉันเองก็กลับมาหาข้อมูลเพื่อใช้ในการบำรุงครรภ์เต็มที่เพื่อให้อาหารที่กินเข้าไปมีประโยชน์กับน้องเต็มที่ค่ะ พอใกล้คลอดคุณหมอนัดว่าน่าจะคลอดวันที่ 10 กันยายน 2549 ค่ะ แต่ปรากฎว่า ตี 5 ของวันที่ 3 กันยายน 2549 ดิฉันมีอาการเลือดออกทางช่องคลอด ไปพบแพทย์ คุณหมอให้ admit เลยค่ะ บอกว่าน่าจะต้องคลอดแล้วหละ ซึ่งก่อนหน้านั้นคุณหมอก็ได้แจ้งว่าถ้าไม่สามารถคลอดเองได้ก็ต้องทำการผ่าตัด
คุณพยาบาลให้ดูแต่นิดเดียวบอกว่าต้องพาน้องไปทำอะไรซักอย่างฟังไม่ถนัด หลังผ่าก็นอนรอที่ห้องพักฟื้น ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ลุกไม่ไหวก็ถามคุณพยาบาลว่า น้องเป็นงัยบ้าง คุณพยาบาลก็ยังไม่บอกรายละเอียดบอกให้รอพบกุมารแพทย์ตอน 10 โมง หลังจากที่พบกุมารแพทย์ สิ่งที่ได้ยินจากคุณหมอเล่าให้ฟังทำให้ดิฉัน อึ้ง ฟังไม่เข้าใจ คุณหมอบอกว่า ตอนคลอด น้องมีระดับน้ำตาลต่ำ แล้วช่วง 4 ทุ่ม(วันที่ 3 กันยายน ) น้องมีอาการชัก มีไข้ ต้องเจาะเลือดไปตรวจ หลังจากตรวจเลือดพบว่าเลือดติดเชื้อ คุณหมอเลยต้องสั่งยาแก้อักแสบให้น้อง หลังจากนี้ต้องตรวจเลือดซ้ำอีก ทุก 2 วัน เพื่อดูผลว่าดีขึ้นหรือไม่ ตอนนี้น้องอยู่ในตู้อบ ให้น้ำเกลือแล้วก็น้ำตาลคลูโคลส (ท่าที่จำได้ตอนที่หมอแจ้งให้ทราบ) ในนาทีนั้น คิดอะไรไม่ออก หมอพูดให้ฟัง ดิฉันได้แต่พยักหน้า แต่ไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง พอเวลาผ่านไป เกือบ 2 ชั่วโมง ถึงตั้งสติได้ ก็ได้โทรไปคุยกะคุณพยาบาลห้องเด็กอ่อน แจ้งขอให้คุณหมออธิบายซ้ำอีกที คุณหมอก็ใจดีค่ะ มาอธิบายซ้ำอีกครั้งทันทีที่แจ้งไป คุณหมอบอกว่า คิดไว้แล้วว่าคุณแม่จะตกใจเลยรอจะอธิบายอีกครั้ง คุณหมอบอกโรคที่น้องเป็นให้ทราบ ระหว่างนั้นก็ตั้งใจฟังที่คุณหมอเล่าและบอกวิธีการรักษา ปรากฏว่าน้องต้องอยู่โรงพยาบาล 7 วันค่ะ แต่น้องได้กินนมแม่ตั้งแต่วันที่ 3 หลังคลอด ดิฉันได้แจ้งพยาบาลไว้แล้วว่าจะให้นมเอง และถ้าคุณหมออนุญาตให้เยี่ยมน้องได้ ก็จะไปให้นมเอง (ซึ่งนอนนั้น ตัวเองก็ยังเดินไม่ได้เลยค่ะ แต่ก็ตั้งใจ ) อันนี้ได้กำลังใจจากทั้งคุณยาย คุณตา คุณพ่อ แล้วก็ลูกสาวคนโตค่ะ ลูกสาวคนโต ยังไม่เข้าใจว่าแม่เป็นอะไรทำมัยเดินไม่ได้ น้องหายไปใหน ทำมัยเค้าต้องนอนกับคุณตา คุณยาย คุณลุง คุณพี่(แฟนคุณลุง) หลังจากคุณหมอสูติ อนุญาตให้คุณแม่ลงจากเตียงได้ ให้เดินบริหารได้ ดิฉันก็แจ้งคุณพยาบาลว่าอยากเจอน้องอยากให้นมน้อง รอจนวันที่ 3คุณหมอให้เข้าเยี่ยมน้องได้ นาทีแรกที่เห็น เห็นเข็มน้ำเกลือเสียบอยู่ที่เท้าน้อง เห็นแล้วถ้าเป็นไปได้ดิฉันอยากเจ็บแทนลูกคะ แต่ก็คิดว่าสิ่งที่ดีที่สุดที่ฉันจะทำเพื่อลูกได้ต่อไปนี้คือ ฉันจะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ คุณพยาบาลอุ้มลูกมาให้ แล้วก็ให้หัดป้อนนม เราก็ลูกสองแล้วนะ แต่ก็ยังทำอะไรไม่คล่องอยู่ดีค่ะ ไม่ค่อยถนัด ครั้งแรกลูกดูดยังไม่เป็น ยังไม่ค่อยเก่งเท่าใหร่ นมแม่ก็ยังไม่ไหล แต่หลังจากนั้นดิฉันรอเวลาทุก ๆ 3 ชั่วโมง จะต้องไปให้นมลูกที่ห้องเด็กอ่อน ทั้งคุณพยาบาล คุณหมอ และทุกๆ คนให้กำลังใจค่ะ คุณหมออนุญาตให้คุณแม่กลับบ้านได้ แต่คุณลูกต้องอยู่ต่อ เนื่องจากต้องรอเจาะเลือดไปตรวจดูผลการให้ยา ระหว่างนั้นดิฉันก็กลับมาให้นมน้องในช่วงกลางวันทั้งวันค่ะ กลางคืนก็ปั๊มนมไว้ให้น้องให้คุณพยาบาลป้อนให้ โชคดีค่ะ ที่ได้รู้จักพยาบาลห้องเด็กที่เค้าก็ปั๊มนมไว้ให้ลูกเค้าเหมือนกัน เค้าเลยแนะนำวิธีการและวิธีเลือกซื้อเครื่องปั๊มนมให้ได้ทราบ จนครบ 7 วัน น้องกลับบ้านได้ คุณพยาบาลได้ให้ถุงเก็บน้ำนมมาค่ะ และก็บอกสถานที่ที่จะไปซื้อถุงเก็บน้ำนมนี้ที่ใหน หลังจากนั้นดิฉันก็เริ่มการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ทั้งวันทั้งคืนค่ะ คุณหมอก็แนะนำให้นวด ให้กอด ให้พูดคุยกับน้องบ่อยๆ การสัมผัส สายใยระหว่างแม่กับลูกจะช่วยให้น้องมีพัฒนาการที่ดี อย่ากังวลเรื่องที่น้องป่วยตอนแรกคลอดเพราะผลตรวจครั้งล่าสุด น้องมีอาการดีขึ้น และกินนมได้ปกติ ไม่น่าเป็นห่วง แต่ให้ไปบแพทย์ตามกำหนด และก็อย่าลืม ให้ไป scan หูตอนอายุน้องครบ 5 เดือนค่ะ
ดิฉันจะไม่สามารถป้อนแกได้เลยค่ะ ต้องให้คุณพ่อป้อน แล้วก็จะเหมือนทานไปบ่นไป แต่เมื่อใหร่ก็ตามที่ได้ดูดนมจากเต้าคุณแม่ น้องจะมีความสุขมาก ตกกลางคืน น้องจะทานนมแค่มื้อเดียวค่ะ คือประมาณ ตี 2 ค่ะ แต่ช่วงหัวค่ำ ตั้งแต่ 6 โมง จนถึง 4 ทุ่ม ก่อนจะนอนเนี่ย น้องจะทานถี่มาก ทานเหมือนกลัวนมหายค่ะ คือ เล่น ๆ อยู่ เค้าก็จะคืบมาหาเราแล้วทำปากดูดๆๆ แล้วก็เหมือนจะร้องไห้ ต้องให้ดูดนมถึงจะหยุด แล้วพอดูสักพักก็อิ่ม ก็เล่นต่อ จะเป็นอย่างนี้จนกว่าจะปิดไฟเข้านอนค่ะ และทุกวันเค้าจะชอบคุยกับพี่สาวค่ะ เค้าจะคุยกันหัวเราะเสียงดัง ส่งเสียงดังลั่นเลย ทั้งพี่ทั้งน้อง ที่เล่ามาทั้งหมดนี้อยากรวมแชร์ประสบการณ์ ค่ะ ขอบคุณที่มีแหล่งความรู้ดีๆ สำหรับคุณแม่ที่ตั้งใจอยากจะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ แม่พี่จู น้องเติ้ล ขอบคุณแม่พี่จู น้องเติ้ล มากค่ะที่สละเวลาเขียนประสบการณ์มาเล่าสู่กันฟัง |