
เจ้าตัวน้อยของแม่ - สำหรับแม่ที่กังวลเรื่องน้ำหนักลูก
เป็นที่รู้กันดีในหมู่เพื่อนฝูงว่าฉันเป็นคนที่ชอบหาข้อมูลในทุก ๆ เรื่อง เมื่อใดก็ตามที่มีเรื่องที่ต้องตัดสินใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือใหญ่ขนาดไหน ฉันเป็นต้องค้นคว้าหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องมาศึกษาเสียก่อน บ่อยครั้งที่ฉันมักจะสงสัยในข้อมูลที่ได้มา ฉันก็จะค้นคว้าหาข้อมูลเพิ่มเติมต่อไปอีกจนกว่าจะได้ “ข้อเท็จจริง” เสียก่อนจึงจะพอใจ ตอนที่ฉันท้องและหลังจากนั้นเมื่อกลายเป็นแม่เต็มตัวไปแล้วก็ไม่ต่างกัน
ช่วงท้อง ฉันใช้เวลาว่างที่มีอยู่ทั้งหมดหาข้อมูลเกี่ยวกับการคลอดและการดูแลเด็กอ่อน ทั้งอ่านหนังสือและนิตยสารที่เกี่ยวข้อง เข้าคอร์สอบรมการคลอดและเลี้ยงลูก ศึกษาข้อมูลในอินเตอร์เน็ท ร่วมแลกเปลี่ยนความเห็นในเว็บบอร์ด เข้าร่วมการประชุมที่จัดขึ้นโดย La Leche League - LLL (เป็นองค์กรที่ส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในต่างประเทศ – ผู้แปล) เคยแม้กระทั่งไปเข้าร่วมสัมมนาและการอบรมเชิงปฏิบัติการที่ LLL จัดขึ้น
ถึงจะมีข้อมูลเพียบขนาดนี้ การคลอดของฉันก็ยังมีเรื่องที่ไม่คาดคิดมาก่อนเกิดขึ้นอยู่ดี ฉันไม่เคยอ่านเจอที่ไหนมาก่อนเลยว่าจะมีใครคลอดหลังจากที่มดลูกเริ่มบีบตัวได้แค่สามชั่วโมง สิ่งที่สามีของฉันสนใจในตอนนั้นมีอยู่แค่อย่างเดียวคือทำอย่างไรจะพาฉันไปถึงโรงพยาบาลได้ทันก่อนที่ฉันจะเริ่มเบ่ง เทคนิคการผ่อนคลายและการนวดที่เราฝึกมาเป็นอย่างดีไม่มีประโยชน์อะไรเลยในตอนนั้น
การคลอดของฉันเป็นบทเรียนอันแรกที่ทำให้รู้ว่าข้อเท็จจริงและค่าเฉลี่ยมาตรฐานทั่วไป ไม่ได้เป็นจริงเสมอไปในทุกกรณี
ลูซีหนัก 7 ปอนด์ 3 ออนซ์ตอนคลอด และชอบดูดนมแม่ หรือที่ถูกก็คือพร้อมจะดูดทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาใกล้ปากของเธอ ช่วง 2-3 วันแรกหลังคลอดผ่านไปอย่างราบรื่น ความสนใจทั้งหมดของฉันอยู่ที่ลูกสาวตัวเล็ก จนเรื่องอะไรก็แล้วแต่ที่เข้ามาแทรกแซงตามปกติของการอยู่โรงพยาบาลไม่มีผลอะไรต่อเราเลยแม้แต่น้อย
จังหวะการหลับตื่นของเราสอดคล้องกลมกลืนกันตลอดช่วงเวลาส่วนใหญ่ที่เราใช้กกกอดกันในเตียงระหว่างสามวันนั้น การดูดนมแม่ของเราสมบูรณ์แบบ ลูซีดูดนมบ่อยครั้ง เมื่อหมอเด็กมาตรวจครั้งแรก ทุกคนพอใจที่เห็นน้ำหนักของเธอเริ่มเพิ่มขึ้นเกินกว่าเมื่อแรกคลอด ฉันมีความสุขมากที่เราเป็นคู่ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีในเรื่องของนมแม่
หลายสัปดาห์ผ่านไป ทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางจนกลายเป็นกิจวัตรประจำวัน เราทั้งคู่ดูจะมีความสุขเวลาที่มีอะไรต่อมิอะไรให้ทำอยู่ตลอดเวลา ฉันมีแผนทำโน่นทำนี่เกือบทุกวัน นัดพบเพื่อน ไปซื้อของ เดินเล่นในสวนสาธารณะ ออกกำลังกาย ลูซีอยู่กับฉันตลอดเวลาและได้ดูดนมแม่ในทุก ๆ ที่ที่เราไปด้วยกัน
เมื่อครบกำหนดนัดพบหมอเด็กในเดือนสิงหาคมเมื่อลูซีอายุครบสองเดือน น้ำหนักของเธออยู่ที่ 9 ปอนด์ 14 ออนซ์ หมอเด็กบอกว่าน้ำหนักของเธอตกลงไปอยู่ในช่วงเปอร์เซ็นไทล์ที่ 25 สำหรับช่วงอายุของเธอ ตอนนี้เองที่ความวิตกกังวลเรื่องน้ำหนักของลูกเริ่มก่อตัวขึ้นในใจของฉัน
สี่เดือนต่อมา ความคิดของฉันในเรื่องสุขภาพของลูซีวนเวียนกลับไปกลับมา บางครั้งก็ “วิตกกังวล” บางครั้งก็ “มั่นใจ” บางวันฉันหมกมุ่นอยู่กับการนับจำนวนผ้าอ้อมที่เปียกและจับเวลาที่ลูซีใช้ในการดูดนมแม่ ฉันคอยเช็คอยู่เป็นระยะ ๆ ว่าปากของเธอยังชุ่มชื้นและผิวหนังยังนุ่มนิ่มยืดหยุ่นดีอยู่ ฉันต้องการความมั่นใจว่าแก้มยุ้ย ๆ ของเธอยังคงอยู่ตรงนั้นไม่หายไปไหน
ฉันพบข้อมูลจำนวนมากในอินเตอร์เน็ทเกี่ยวกับเรื่องสารอาหารที่จำเป็นและการเจริญเติบโตของทารก บางแห่งกลายเป็นเว็บประจำที่ฉันแวะเวียนเข้าไปหาข้อมูลอยู่อย่างสม่ำเสมอ ฉันอ่านบทความบางเรื่องซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบเพื่อสร้างความมั่นใจ ฉันยังติดต่อกับแม่คนอื่นที่มีลูกตัวเล็กเหมือน ๆ กัน จนกลายเป็นกลุ่มที่ติดต่อกันทางอีเมลล์เพื่อถกปัญหาเกี่ยวกับเจ้าตัวน้อยของพวกเราไป
ความวิตกกังวลของฉันถึงจุดสูงสุดช่วงต้นเดือนธันวาคม เมื่อหมอเด็กแนะนำให้ฉันให้นมผงเสริมแก่ลูซี ตอนที่หมอเข้ามาในห้องตรวจ เธอถามคำถามปกติว่า “มีปัญหาอะไรไหมวันนี้” แน่นอนฉันตอบหมอไปว่า “มีค่ะ ฉันเป็นห่วงเรื่องน้ำหนักของลูซี”
ฉันใจหายวูบเมื่อได้ยินหมอแนะนำให้เสริมนมผง บางทีเธออาจตรวจประวัติของลูซีก่อนเข้ามาในห้องก็ได้ แต่ฉันคิดว่าเธอแนะนำแบบนี้ก็เพราะได้ยินข้อกังวลของฉันซะมากกว่า หัวใจฉันเต้นแรง ผู้เชี่ยวชาญอย่างหมอกำลังบอกว่าฉันล้มเหลวในการให้ “อาหารที่ดีที่สุด” แก่ลูก
ฉันให้สารอาหารแก่ลูซีได้ไม่เพียงพอสำหรับการเติบโตของเธอ กลับกลายเป็นนมผงที่น่าจะทำหน้าที่นี้ได้ดีกว่าฉัน แปลว่าฉันล้มเหลวแม้กระทั่งหน้าที่พื้นฐานของคนเป็นแม่หรืออย่างไร
ในขณะนั้น สมองของฉันก็เริ่มประมวลข้อมูลทั้งหมดที่รวบรวมมา สิ่งที่แวบเข้ามาตอนนั้นก็คือความสนับสนุนและข้อมูลจากการประชุมที่ LLL จัดขึ้นซึ่งฉันเคยมีโอกาสเข้าร่วม จำได้ว่าฉันเคยถกกับแม่ที่ให้นมแก่ลูกคนอื่น ๆ และเห็นตรงกันว่าการเป็นการดีที่จะเชื่อหมอในเรื่องการให้การรักษาเวลาเจ็บป่วย แต่ไม่ใช่เรื่องการให้คำแนะนำในการเลี้ยงลูก
ตอนนั้นเองในห้องทำงานของหมอที่ฉันเกิดแรงฮึดที่จะยืนหยัดข้างลูกของฉันขึ้นมา ฉันบอกหมอไปว่าฉันรู้ว่านมแม่เท่านั้นที่ดีที่สุดสำหรับลูซี ฉันถามหมอด้วยว่า “หมอกังวลในเรื่องน้ำหนักของลูซีว่าเป็นปัญหาอะไรไหม” หมอเด็กอ่านแฟ้มประวัติของลูซี ถามคำถามเกี่ยวกับการดูดนมแม่ และตรวจดูเธอ
หมอลงความเห็นในท้ายที่สุดว่าไม่มีเหตุผลจำเป็นอะไรในทางการแพทย์ที่จะให้นมผงแก่เธอ
เธอบอกด้วยว่าจริง ๆ แล้วที่เธอแนะนำให้เสริมนมผงแก่ลูซีก็เพื่อจะช่วยให้ฉันรู้สึกดีขึ้น “คุณไม่คิดว่ามันจะช่วยให้คุณวิตกกังวลน้อยลงหรือ ถ้าคุณสามารถวัดปริมาณน้ำนมที่ลูกของคุณได้รับเข้าไปได้”
ไม่เลย การให้นมผงไม่ได้ทำให้เรื่องง่ายขึ้น และการเลี้ยงลูกก็ไม่ใช่การเลือกทำสิ่งที่ง่าย แต่มันเป็นการเลือกทำสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูกและครอบครัวของคุณต่างหาก
ตั้งแต่มิถุนายนถึงธันวาคม ลูซีได้เรียนรู้อะไรมากกว่าที่ฉันคิด ฉันเองก็ได้เรียนรู้มากพอกัน ถึงจะไม่มากกว่าสิ่งที่ลูกได้เรียนรู้ก็เถอะ ทุก ๆ วันที่ผ่านมาในชีวิตของเธอ สัญชาตญาณบอกฉันว่าเธอแข็งแรงดี แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ใช้เวลาถึงหกเดือนกว่าที่ฉันจะยอมรับสัญชาตญาณนั้น
ในบางสถานการณ์การให้นมผงกับทารกก็เป็นเรื่องจำเป็น และบางครั้งการที่ทารกน้ำหนักขึ้นช้าก็อาจจำเป็นต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่จากแพทย์ แต่ไม่ใช่ในกรณีของลูซี คนทั่วไปยังมีรูปร่างและขนาดตัวต่างกันออกไป ทารกก็เช่นกัน เด็กบางคนขาเป็นปล้อง ๆ บางคนคอสั้น บางคนตาโตสีฟ้า บางคนหัวล้าน ลูกสาวของฉันมีนิ้วมือยาว ผมเป็นลอนสีน้ำตาล ผิวขาว และตัวเล็กกว่าเด็กทั่วไป
ในเด็กที่อายุเท่ากัน 100 คน มีอยู่ 85 คนที่มีน้ำหนักมากกว่าเธอ แต่เธอเป็นทารกตัวเล็กที่เพียบพร้อมสมบูรณ์แบบแล้วสำหรับฉัน และขนาดตัวของเธอก็เหมาะเจาะสมบูรณ์แบบสำหรับเธอแล้วด้วยเช่นกัน
My Small, Perfect Baby by Bianca Wooden Marietta ,GA USA
โดย แม่ต่าย
|
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (154864) | |
ขอบคุณมากข้อมูลดีดี
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น จันแดง วันที่ตอบ 2015-09-15 17:52:30 |
[1] |