ยาคุมกำเนิด นายแพทย์รุ่งโรจน์ ตรีนิติ ยาเม็ดคุมกำเนิดคือยาที่กินเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ โดยใช้ฮอร์โมนสังเคราะห์ คือโปรเจสโตเจนหรือโปรเจสติน ที่ออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนโปรเจสโตโรนตามธรรมชาติ กับฮอร์โมนสังเคราะห์เอสโตรเจน
รายละเอียดยาเม็ดคุมกำเนิดแต่ละชนิด
1. ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม (combined oral contraceptions)
1.1 monophasic or fixed dose pill ยาคุมแต่ละเม็ดจะมีเอสโตรเจนและโปรเจสโตเจนในขนาดเท่ากันทุกเม็ดเหมือนกันทุกเม็ดในหนึ่งแผง จะมี 21 เม็ด แต่ถ้ามี 28 เม็ด ก็แปลว่า 7 เม็ดสุดท้ายไม่มีตัวยาฮอร์โมน (ใน21เม็ดแรกจะกินเม็ดไหนก่อนก็ได้ แต่ให้ดีกินเรียงไปตามลูกศรจะดีกว่า กันสับสน) 1.1.1 ยาคุมที่มีฮอร์โมนในปริมาณสูง คือมี เอสโตรเจน 50 ไมโครกรัมหรือมากกว่านั้น รวมทั้งปริมาณโปรเจสโตเจนก็มีมากด้วย ยาคุมในกลุ่มนี้ หมอมักไม่ค่อยจ่ายให้คนไข้เพื่อการคุมกำเนิด แต่จะใช้เพื่อรักษาอาการทางนรีเวช ดังตัวอย่างยาในตารางที่ 1
1.1.3 ยาคุมที่มีฮอร์โมนในปริมาณต่ำมาก คือมีเอสโตรเจนเพียง 20 ไมโครกรัม ยาในกลุ่มนี้มีข้อดีคือ มีเอสโตรเจนต่ำ จึงมีอาการข้างเคียงจากเอสโตรเจนน้อย แต่ก็มีข้อเสียคือ อาจทำให้มีเลือดออกกระปริบกระปรอย หรือรอบเดือนอาจขาดหายไปเลย และถ้าลืมกินเมื่อไหร่ โอกาสที่จะตั้งครรภ์มีสูงกว่าแบบที่สอง และต้องกินให้ตรงเวลา ถ้ากินผิดเวลาอาจทำให้ระดับยาลดลง จนไม่สามารถยับยั้งไข่ตกได้ ที่มีจำหน่ายในเมืองไทยขณะนี้มี 2 ยี่ห้อ ดังตัวอย่างตารางที่ 3
1.2 multiphasic pills คือยาคุมที่มีทั้งเอสโตรเจน และโปรเจสโตเจน แต่ในแต่ละเม็ด จะมีปริมาณฮอร์โมนไม่เท่ากัน เท่าที่มีการผลิตและจำหน่ายในตลาด เป็นแบบฮอร์โมน 3 ระดับ เรียกว่า triphasic หรือ three steps pills ตามตัวอย่างยาในตารางที่ 4 ยาคุมประเภทนี้ต้องกินเรียงตามลำดับ ห้ามแซงคิวโดยเด็ดขาด
2. ยาเม็ดคุมกำเนิด ที่มีแต่โปรเจนโตเจน ตารางที่ 5 ยาเม็ดคุมกำเนิดฮอร์โมนชนิด microdose
ถ้าไม่สะดวกที่จะพบแพทย์ก็สามารถซื้อยามากินเองได้ แต่ต้องศึกษาให้รู้จริง และเมื่อใช้ไป 12-18 เดือน ควรจะได้พบแพทย์เพื่อตรวจเช็คสุขภาพสักครั้ง
เมื่อจะจ่ายยาคุมให้คนไข้ ผมจะพิจารณาองค์ประกอบดังนี้
1. เป็นผู้หญิงแบบไหน (ประเทืองไม่เกี่ยว) ผู้หญิงทั่วไปจะมีภาวะของฮอร์โมนในตัวไม่เหมือนกัน บางคนก็ผิวเนียน บางคนก็ขนดก บางคนก็อ้วน บางคนต้องดูให้ดีๆจึงจะรู้ว่าเป็นผู้หญิง ทั้งนี้ก็ขึ้นกับภาวะฮอร์โมนของแต่ละคนว่ามีแนวโน้มไปทางไหน ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็นสามประเภท
ถ้าเป็นประเภทแรกก็ต้องพิจารณาให้ยาคุมที่มี progestogen มากหน่อย ถ้าเป็นประเภทไปทางผู้ชายหรือ progestogen ก็ต้องเลือกยาคุมที่มี estrogen มากหน่อย
2. ถ้ามีลูกแล้ว ก็ต้องดูว่าตอนท้องแพ้ท้องมากหรือเปล่า เช่นคลื่นไส้ อาเจียน หรือบวม แสดงว่าตอบสนองต่อเอสโตรเจนมาก ก็ต้องเลือกยาคุมที่มีเอสโตรเจนน้อย แต่ถ้าท้องแล้วอ้วนมาก และมีสิวมากแสดงว่าตอบสนองต่อ โปรเจสโตเจน และแอนโดรเจนมาก ก็เลือกยาคุมที่มี โปรเจสโตเจนน้อยหน่อย กรณีนี้ Dian )เป็นตัวเลือกแรก
3. อายุ ถ้าอายุต่ำกว่า 16 ปี ไม่แนะนำให้กินยาคุมเพราะอาจทำให้ตัวเตี้ยได้ มักจะลืมกินบ่อยๆ และแรงกระตุ้นให้กินอย่างส่ำเสมอก็ไม่มีจึงทำให้การคุมกำเนิดล้มเหลวได้ง่าย ถ้าอายุมากกว่า 40 ปี ก็ไม่แนะนำให้กินยาคุมกำเนิด แนะนำให้ใช้วิธีฉีดยาคุมกำเนิดหรือใส่ห่วงอนามัยจะดีกว่า แต่ถ้ายืนยันจะกินยาคุม ก็เลือกยาคุมที่ไม่มีเอส โตรเจนหรือมีเอสโตรเจนน้อย จะได้ไม่มีผลต่อโรคหัวใจและระบบหลอดเลือด
4. แม่ลูกอ่อน ถ้ากำลังให้นมลูก เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาจเลือกแบบไม่มีเอสโตรเจน หรือถ้ามีเอสโตรเจนก็ไม่เกิน 20 ไมโครกรัม แต่เมื่อหยุดให้นมลูกแล้วก็เปลี่ยนกลับมากินแบบปกติได้ เพราะเอสโตรเจนขนาดสูงอาจมีผลให้ปริมาณน้ำนมลดลงได้ และฮอร์โมนเอสโตรเจนออกทางน้ำนม อาจทำให้เด็กตาเหลืองได้ เริ่มกินได้ตั้งแต่ 6 สัปดาห์หลังคลอด
ยาคุมทุกชนิด แผงแรกเม็ดแรกให้เริ่มกินภายใน 5 วัน นับจากวันแรกที่มีรอบเดือน มิฉะนั้นจะยับยั้งไข่ตกไม่ทันในรอบนั้น ยกเว้นยาคุมแบบ 20 ไมโครกรัมควรเริ่มตั้งแต่วันแรกที่รอบเดือนมา เมื่อเริ่มกินยาคุมแล้ว ก็สามารถมีผลคุมกำเนิดได้ตั้งแต่แผงแรกทันที ไม่ต้องใช้การคุมกำเนิดวิธีอื่นช่วย ทั้งสามารถหลั่งภายในช่องคลอดได้เลย และไม่ต้องไปนับวันปลอดภัย (7หน้า 7 หลัง)อีกต่อไป
เมื่อเริ่มกินยาคุมแล้ว ให้กินไปเรื่อยๆเรียงไปตามลูกศร ระหว่างกำลังกินยา ถ้ารอบเดือนมากระปริบกระปรอยก็ไม่ต้องหยุดยา เดินหน้ากินต่อไปเรื่อยๆ จนหมดแผง หมดแผงแล้ว ถ้าเป็นแบบ 28 เม็ดวันรุ่งขึ้นให้กินแผงใหม่ต่อทันที ไม่ต้องรอรอบเดือน ไม่ว่ารอบเดือนจะมาหรือไม่มา รอบเดือนจะหยุดหรือไม่หยุดก็ตาม ถ้าเป็นแบบ 21 เม็ดหมดแผงแล้ว (ปกติหมดเม็ดที่ 21 แล้ว อีก 2-3 วันรอบเดือนก็จะมา) เว้นไม่กิน 7 วัน เมื่อครบ 7 วันที่ไม่กินแล้ว วันที่ 8 ให้เริ่มแผงใหม่ทันที ไม่ว่ารอบเดือนจะมาหรือไม่มา รอบเดือนจะหยุดหรือไม่หยุดและระหว่างที่ไม่กินยา 7 วันนั้น ก็สามารถมีเพศสสัมพันธ์ได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ต้องกังวลว่าจะตั้งครรภ์
1. กรณีปกติทั่วไป รอรอบเดือนมาก็กินได้ทันที
2. กรณีหลังคลอดบุตร โดยปกติหลังคลอดบุตร 6 สัปดาห์ไข่ก็จะตกเป็นครั้งแรก ดังนั้นจึงควรเริ่ม 4-6 สัปดาห์หลังคลอด แต่ถ้าเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ก็อาจเริ่มกินช้ากว่านี้ได้
3. กรณีแท้งบุตร
o ถ้าท้องน้อยกว่า 12 สัปดาห์ (3 เดือน) จะมีไข่ตกทันทีในรอบเดือนถัดมา ดังนั้นต้องเริ่มกินทันทีหลังแท้ง
o แต่ถ้าแท้งเมื่อท้องได้ 12-28 สัปดาห์ (3-7 เดือน) ไข่จะตกราว 3 สัปดาห์หลังแท้ง จึงควรกิน ภายในสัปดาห์แรกหลังแท้ง
1. ถ้าลืมกิน นึกได้เมื่อไหร่ ให้ไปหยิบเม็ดที่ลืมมากินทันที (เท่ากับกินเม็ดนั้นช้าไปหน่อย) ห้ามผัดวันอีกต่อไป แล้วกินเม็ดถัดมาตามเวลาที่เคยกิน แต่ถ้านึกได้ในเวลาที่ต้องกินอีกเม็ด ก็กินสองเม็ดควบเลย
2. ในกรณีที่ลืมกิน 2 เม็ด ให้กิน 2 เม็ดที่ลืม แล้วเช้าวันรุ่งขึ้นกินอีก1เม็ด เย็นนั้นกิน 1 เม็ด เช้าวันรุ่งขึ้นกินอีกเม็ด (เพิ่มตอนเช้า สองเช้า เช้าละเม็ด) กรณีเช่นนี้อาจทำให้รอบเดือนมากระปริบกระปรอยได้ และถ้าลืมในช่วง 1 – 7 เม็ดแรก โอกาสพลาดอาจเกิดขึ้นได้ จึงต้องใช้การคุมกำเนิดวิธีอื่นช่วย เช่น ถุงยางอนามัย แต่ถ้าลืมในช่วงท้ายๆหรือจะหมดแผงก็ไม่ค่อยมีผลมากเท่าไหร่
3. ถ้าลืมกิน 3 เม็ด ก็จบเลยครับ หยุดยา รอให้รอบเดือนมา แล้วเริ่มแผงใหม่ภายใน 5 วัน นับจากวันแรกที่มีเลือด
ถ้ากินยาแล้วอาเจียน ถ้าอาเจียนหลัง 2ชั่วโมงไปแล้วก็ไม่มีผลอะไร แต่ถ้าอาเจียนภายใน 2 ชั่วโมง ก็ต้องกินซ้ำอีกเม็ด ถ้าเป็นแบบที่มีฮอร์โมนเท่ากันทุกเม็ด จะกินเม็ดไหนก็ได้ แต่ถ้าเป็นแบบ triphasic คือ แต่ละเม็ดมีฮอร์โมนไม่เท่ากัน ก็ต้องซื้ออีกแผงมาเสริมเม็ดที่อาเจียนออกไป (กินตรงเม็ดที่อาเจียน) กรณีท้องเดินหลายวัน การดูดซึมของยาจะไม่ดี ควรใช้การป้องกันวิธีอื่นช่วยด้วย (กรณีเช่นนี้อาจมีเลือดออกกระปริบกระปรอยได้)
1. คลื่นไส้อาเจียน เป็นผลจากฮอร์โมนเอสโตรเจน มักเกิดในช่วง 2-3 เดือนแรก แก้ไขโดยกินทันทีหลังอาหารเย็น
2. เลือดออกกระปริบกระปรอย แก้ไขโดยการกินยาเวลาใกล้เคียงกันที่สุดในทุกวัน แต่ถ้าใช้ยาคุมชนิดที่มีเอสโตรเจนต่ำอยู่ (เช่น 20 ไมโครกรัม) ให้เปลี่ยนเป็นแบบที่มีเอสโตรเจนมากขึ้น เช่น แบบ 30 ไมโครกรัม
3. น้ำหนักตัวเพิ่ม แก้ไขโดยการใช้ยาคุมชนิดเอสโตรเจนต่ำกว่า แต่ถ้าน้ำหนักตัวเพิ่ม มากกว่า 5 กิโลกรัม และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็คงต้องพิจารณาเปลี่ยนวิธีคุมกำเนิด
4. ความดันโลหิตสูงขึ้น แก้ไขโดยการลดปริมาณเอสโตรเจน จาก 30 ไมโครกรัม ให้เหลือแบบ 20 ไมโครกรัม และต้องหมั่นตรวจวัดความดันโลหิตบ่อยๆ
5. หน้าเป็นฝ้า ถ้าเริ่มเป็นฝ้า ก็คงต้องพิจารณาใช้ยาที่มีเอสโตรเจน 20 ไมโครกรัม พร้อมกับการรักษาฝ้า ยากันแดด หลีกเลี่ยงแดด และถ้ายังเป็นอยู่ ก็ต้องพิจารณาเปลี่ยนวิธีคุมกำเนิด
6. อาการปวดศีรษะ ถ้าปวดเล็กน้อยก็กินยาแก้ปวด แต่ถ้าเป็นการปวดแบบไมเกรน ที่มีอาการปวดหัวข้างเดียว ก็ต้องหยุดยา
7. รอบเดือนมากระปริบกระปรอย หรือขาดระดู มักเป็นกับคนที่ใช้ยาคุมแบบ 20 ไมโครกรัม ให้เปลี่ยนไปใช้แบบ 30 ไมโครกรัมแทน
8. การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ เช่นอาการซึมเศร้า วิตกกังวล เป็นผลจากโปรเจสโตเจนสูง ถ้ามีอาการมาก คงต้องปรึกษาแพทย์
กรณีที่กินยาคุมติดต่อกันมานาน (เช่นเป็นปีๆ) แล้วมีอาการต่อไปนี้ ควรรีบปรึกษาแพทย์
1. ปวดหัวมาก รุนแรง ซึ่งอาจเป็นเรื่องความดันโลหิตสูง เส้นเลือดในสมองแตก หรือไมเกรนก็ได้
2. ปวดท้องรุนแรง อาจเกิดจากการอุดตันของหลอดเลือดของลำไส้
3. ตาพร่า ตามัว เห็นภาพผิดปกติ อาจเกิดจากการอุดตันของหลอดเลือดในตา
4. เจ็บหน้าอกมาก อาจเกิดจากหลอดเลือดเลี้ยงหัวใจตีบตัน
5. ปวดน่องอย่างรุนแรง เกิดจากการอุดตันของหลอดเลือดบริเวณนั้น
6. อาการตาเหลือง เกิดจากตับอักเสบ
7. รอบเดือนขาดนาน 3 เดือนติดต่อกัน
8. ความดันโลหิตสูงมากๆ
9. โรคภูมิแพ้ที่มีอาการกำเริบมากขึ้น เช่นโรคหอบหืด
ที่ว่ามาข้างต้นไม่ใช่อาการที่เกิดบ่อยๆ โอกาสเกิดน้อยมาก แต่เกิดแล้วรุนแรง จึงบอกกล่าวเตือนให้ระลึกไว้เท่านั้น
คำถามที่ถามบ่อยๆ
§ ยาคุมอะไรดีที่สุด มีผลข้างเคียงน้อยที่สุด
ไม่มียาคุมยี่ห้อใดดีที่สุดสำหรับทุกคน บางคนกินอาจดี แต่อาจไม่ดีสำหรับอีกคน ขึ้นกับการตอบสนองต่อยาของร่างกายแต่ละคน ถ้าไม่แน่ใจ ก็เริ่มจากยาคุมฮอร์โมนต่ำก่อน แบบ EE20 แล้วค่อยๆลองไป ถ้ากินอันไหนดีไม่มีอาการข้างเคียงก็กินยี่ห้อนั้นไปได้เรื่อยๆ
§ กินแล้วเมื่อไหร่ จะคุมกำเนิดได้
แผงแรก ถ้ากินภายใน 5 วันนับจากวันแรกที่รอบเดือนมา ก็สามารถมีผลคุมกำเนิดได้ตั้งแต่เม็ดแรกที่กินเลยครับ
§ ถ้ากินแบบ 21 เม็ด ช่วงที่หยุดยา 7 วัน คุมได้ไหม
ได้ครับ ช่วงที่ไม่กิน 7 เม็ดก็สามารถมีผลคุมกำเนิดได้ ไม่ต้องห่วง
§ กินแบบ 21 เม็ด กินหมดแผงแล้วต้องรอให้เลือดมาแล้วค่อยกินต่อใช่ไหม
ไม่ใช่ครับ กินครบ 21 เม็ด หยุดกิน 7 วัน ครบ 7 วันแล้ว ไม่ว่ารอบเดือนจะมาหรือไม่มา เลือดจะหยุดหรือไม่หยุด วันที่ 8 กินแผงใหม่ต่อเลยครับ
§ กินย้อนศร ทำไง
กรณีที่กินยาคุมแบบ ตารางที่ 2 หรือ 3 ยา 21 เม็ดแรกเหมือนกันหมด จะสลับกินเม็ดไหนก็ได้ แต่ที่ให้กินเรียงกันไป ก็เพื่อความสะดวกและกันลืม สมมุติต้องกินเม็ดที่ 8 แต่กลับไปกินเม็ดที่21 ก็ไม่เป็นไรครับ วันที่ 9 ก็กินของวันที่9 พอถึงวันที่ 21 ก็กลับมากินเม็ดที่ 8 ที่ข้ามไป ทั้งนี้ก็เพราะทุกเม็ดทีตัวยาเหมือนกัน ขนาดยาเท่ากัน
แต่ถ้าเป็นยาคุมแบบตารางที่ 4 ตัวยาแต่ละเม็ดจะมีขนาดไม่เท่ากัน วันที่9 ให้กลับไปกินเม็ดที 9 แล้วกินต่อๆไป ช่วงนี้ถ้าทีเพศสัมพันธ์ ก็ต้องใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยจนกว่าจะหมดแผง
§ ไปต่างจังหวัด แต่ลืมเอายาไป ทำอย่างไร
ซื้อแผงใหม่ครับ ถ้าเป็นยาคุมแบบตารางที่ 2 หรือ 3 ก็หยิบเม็ดไหนก็ได้ใน 21 เม็ดแรกกินต่อไปเลย เมื่อกลับมาก็แกะแผงเก่าเท่าจำนวนที่กินที่ต่างจังหวัดทิ้ง แล้วกินแผงเก่าต่อ (ส่วนแผงใหม่ที่เหลือจะเก็บไว้เป็นยาสำรองก็ได้)
แต่ถ้าเป็นยาคุมแบบตารางที่ 4 (ซึ่งตัวยาในแต่ละเม็ดมีปริมาณยาไม่เท่ากัน) ให้ซื้อแผงใหม่แล้วกินต่อตรงที่ต้องกินต่อ ให้ตรงเม็ดกัน แล้วใช้แผงใหม่ต่อไปเลย แผงเก่าทิ้งไป
§ จะเปลี่ยนยี่ห้อยาคุม
กินแผงเก่าต่อให้หมดแผงแล้วค่อยเปลี่ยนครับ ถ้าเป็นแบบ 21 เม็ดกินหมดแล้ว เว้น 7 วันแล้วต่อแผงใหม่ ถ้าเป็นแบบ 28 เม็ดกินหมด 28 เม็ดแล้วต่อแผงใหม่ทันที ไม่ว่ายี่ห้อใหม่จะมีปริมาณฮอร์โมนเท่ากับแบบเก่าหรือไม่ก็ตาม
§ เปลี่ยนจากแบบ28เม็ด มาเป็น21 เม็ดอีกยี่ห้อ ทำอย่างไร
กินยาคุมแบบ 28 เม็ดครบ28เม็ดแล้วก็เริ่มแผงใหม่แบบ21เม็ดได้เลย ประสิทธิภาพก็ยังต่อเนื่อง
§ เปลี่ยนจากแบบ21เม็ด มาเป็น21 เม็ดอีกยี่ห้อ ทำอย่างไร
กินยาคุมแบบ 21 เม็ดยี่ห้อเดิมครบ21เม็ดแล้ว เว้น7วัน ก็เอายี่ห้อใหม่มากินต่อได้เลย แต่ถ้าสองยี่ห้อมีปริมาณยาไม่เท่ากัน ก็อาจทำให้มีเลือดออกได้ ก็ไม่ต้องพะวง
§ หมดความจำเป็นต้องคุมกำเนิดแล้ว จะหยุดเลยได้ไหม
ถ้าไม่มีอาการข้างเคียงอะไรที่รุนแรง ก็ควรกินต่อให้หมดแผงแล้วค่อยหยุดครับ
§ สามีไปต่างประเทศ หรือไปต่างจังหวัด จะหยุดกินยาคุมได้ไหม
หยุดกินได้ครับ ในกรณีที่ไปนานหลายเดือน แต่ต้องกินให้หมดแผงแล้วค่อยหยุด แต่ถ้าไปไม่กี่วันหรือไม่ถึงเดือนก็ไม่ควรหยุด
แต่ถ้าสามีไปหลายเดือน และเมื่อสามีกลับมาแล้วจะยังต้องการคุมกำเนิดแบบกินยาเม็ดคุมกำเนิดต่อ ก็ต้องวางแผนล่วงหน้า เช่น สามีจะกลับมาเดือนหน้า ซึ่งตอนนั้นรอบเดือนยังไม่ทันจะมา เดือนนี้รอบเดือนมาแล้ว ก็เริ่มกินเม็ดแรกทันทีที่รอบเดือนมาคือต้องกินรอไว้เลย ไม่ใช่กลับมาแล้วพอจะมีเพศสัมพันธ์แล้วจะคุมกำเนิดแล้วค่อยกิน อย่างนั้นก็ไม่สามารถคุมได้ทัน
§ ยาคุม 21 เม็ด กินหมด 21 เม็ดแล้วต้องเว้น 7 วัน ทำไมไม่เว้น 5วันอย่างแผงแรก
แผงแรกเป็นการเริ่มใหม่ แต่ในแผงต่อๆไปมีระดับยาอยู่ในร่างกายแล้ว พอเริ่มแผงใหม่ก็สามารถเพิ่มระดับยาได้อย่างรวดเร็ว (ระดับยาที่สูงพอจะยับยั้งไขตก) ไม่เหมือนแผงแรกที่เริ่มจากศูนย์ และอีกอย่างก็เพื่อให้ครบรอบรอบละ 28 วัน
§ อายคนอื่นที่จะพกยาคุมหรือกลัวแม่เห็น ทำอย่างไร
กรณีเป็นยาคุมแบบ 21 เม็ด (ยกเว้นแบบตารางที่ 4 ) ทุกเม็ดมีตัวยาเหมือนกันหมด คุณสามารถแกะเม็ดยาคุมออกจากแผง แล้วเอามาใส่ซองทั้งหมด ก็ทำให้คนอื่นไม่รู้ว่าเป็นยาอะไร
§ สองสามเดือนเจอกันทีจะกินยาคุมอย่างไร
เดือนสุดท้ายก่อนเจอกัน พอรอบเดือนมาก็เริ่มกินยาเม็ดคุมกำเนิดรอไว้เลย เช่นเดือนหน้าจะเจอกับแฟน แต่เจอก่อนรอบเดือนจะมา(เดือนหน้า) เดือนนี้พอรอบเดือนมาก็เริ่มกินเม็ดแรกรอไว้เลย (กินต่อไปเรื่อยๆไม่ใช่กินเม็ดเดียวนะครับ)
แล้วถ้าช่วงที่เจอแฟนกะว่ารอบเดือนจะมาหรือกำลังมาจะทำอย่างไร ก็ทำแบบ...ข้างต้น เพียงแต่พอกินครบ 21 เม็ด ก็กินเม็ดแรกของแผงใหม่ต่อเนื่องกันไปเลย ถ้าเป็นแบบ 28 เม็ด(ก็ไม่ต้องกิน 7เม็ดสุดท้าย แต่ให้เอาแผงใหม่มากินต่อแทน) จะทำให้เลือดไม่มาช่วงเจอกัน
เมื่อแฟนกลับไปแล้ว ยังไม่สามารถหยุดยาคุมได้ ต้องกินต่อจนหมดแผง แล้วจึงค่อยหยุด ไม่อย่างนั้นเลือดจะมาผิดปกติครับ
§ กินยาคุมแบบ21เม็ด หมดไป7 วันแล้ว รอบเดือนยังไม่มา ทำไง
หยุดครบ 7 วันแล้ว กินแผงใหม่ต่อทันทีครับ
§ จะเปลี่ยนวันกินยาคุม
บางคนมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนวันกิน เช่นเคยเริ่มวันศุกร เม็ดสุดท้ายหมดวันพฤหัส แล้วทำให้มีรอบเดือนมาวันเสาร์อาทิคย์ ทำให้ไม่สะดวก อยากเปลี่ยนมากินวันจันทร์ จะเปลี่ยนอย่างไร กรณีเช่นนี้ แบบ21 เม็ด แทนที่จะเว้น 7 วันแล้วค่อยกินต่อ ให้เปลี่ยนเป็นเริ่มเม็ดแรกของแผงใหม่วันจันทร์ที่อยู่ในช่วง 7 วันนั้น หรือถ้าเป็นแบบ 28 เม็ด ในช่วงเม็ดที่ 22-28 พอถึงวันจันทร์ก็ให้เริ่มแผงใหม่ได้เลยโดยไม่ต้องรอให้ครบ28เม็ด(เฉพาะแผงนั้น)
§ จริงหรือเปล่าค่ะว่าถ้ากินติดต่อกันเป็นเวลานานจะทำให้มีบุตรยาก และแท้งง่าย
ไม่จริงครับ แม้กินมานาน แค่ลืมกินวันสองวันก็ท้องได้แล้ว เป็นข้อพิสูจน์ว่า ท้องไม่ยาก และไม่เกี่ยวกับแท้งง่ายไม่ง่าย
§ ขอที่รู้จริงๆนะค่ะ แล้วถ้ากินยาคุมนานๆเนี่ย เด็กที่เกิดมาจะมีปัญหาหรือพิการ หรือว่าปัญญาอ่อนมั้ยคะ
ไม่จริงครับ แม้กินมานาน ก็ไม่มีปัญหานั้น กินต่อได้เลยครับ
§ กินยาคุมได้นานแค่ไหน
โดยปกติ ถ้าอายุยังน้อย กินได้หลายปี 5ปี 10 ปี ก็ไม่มีปัญหาอะไร เพียงแต่ถ้ายังไม่เคยพบแพทย์ ก็ควรไปพบแพทย์บ้างเพื่อตรวจร่างกาย ดังนั้น ถ้ากินไปไม่กี่เดือน ก็ยังไม่ต้องไปกังวลว่ากินนานไป
§ ฉีดยาคุม แล้วจะเปลี่ยนเป็นยากิน จะเริ่มกินเมื่อไหร่
ครบกำหนดฉีดครั้งต่อไปวันไหนก็เริ่มกินเม็ดแรกวันนั้น การคุมกำเนิดก็ยังคงมีผลต่อเนื่อง ถึงแม้รอบเดือนยังไม่มาก็ไม่ต้องรอครับ กินไปได้เลย
§ กินยาคุมแล้วกินยาอื่นด้วย ยาจะตีกันไหม
ที่มา : คลีนิครัก
|