ReadyPlanet.com
ardo calypso
dot
เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ : ข้อควรปฎิบัติ
dot
bulletการเริ่มต้นชีวิตที่ดีที่สุดสำหรับทารก 1
bulletการเริ่มต้นชีวิตที่ดีที่สุดสำหรับทารก 2
bulletวิธีเลือกกุมารแพทย์ให้ลูก
bulletก่อนคลอด
bulletสิ่งที่ต้องทำเมื่ออยู่ ร.พ.
bulletหลังคลอด
bulletท่าในการให้นม
bulletBreast Crawl
bulletความคาดหวังของลูกน้อย
bulletบันทึกการให้นมลูก
bulletวิธีให้นมเสริมอย่างถูกต้อง
bulletสัมผัสรักระหว่างแม่ลูก
bulletโรงพยาบาลสนับสนุนนมแม่
bulletแบบสอบถาม
dot
ปัญหาเรื่อง นมแม่
dot
bulletวิธีแก้ปัญหานมไม่พอ
bullet"นมแม่" ถ้าเข้าใจ ยังไงก็พอ
bulletนมพอหรือไม่
bulletเมื่อลูกไม่ดูดนมแม่ (new)
bulletอาหารเพิ่มน้ำนม
bulletวิธีเพิ่มน้ำนมด้วยการปั๊มนม
bulletWorkshop เพิ่มน้ำนม (new)
bulletยาประสระน้ำนม
bulletDomperidone (Motilium)
bulletยาเพิ่มน้ำนม Motilium
bulletคำเตือนสำหรับการใช้ยา Domperidone
bulletน้ำหนักตัวเพิ่มช้า
bulletน้ำหนักตัวน้อย
bulletเจ็บหน้าอก หัวนมแตก
bulletการบีบหน้าอก ช่วยลูกดูดนม
bulletลูกแพ้นมแม่หรือเปล่า
bulletตัวเหลือง
bulletสารพันปัญหา
บริจาคนมแม่
dot
เมื่อแม่ต้องไปทำงาน
dot
bullet20 เคล็ดลับสำหรับแม่ทำงาน
bulletมาทำ stock น้ำนม กันเถอะ
bulletวิธีให้ลูกยอมดูดนมแม่จากขวด
bulletจะให้ลูกกินอะไรเมื่อแม่ไปทำงาน
bulletวิธีเก็บรักษานมแม่
bulletต้องเตรียมปั๊มนมไว้ให้ลูกแค่ไหนถึงจะพอดี ?
bulletโปรแกรมคำนวณนมแม่
bulletยาคุมกำเนิด
dot
คุณแม่นักปั๊ม
dot
bulletการปั๊มนมโดยใช้เครื่องปั๊มนม
bulletปั๊มนมอย่างไรให้พอ หากลูกไม่ดูดจากเต้า
bulletข้อคิดก่อนซื้อ ที่ปั๊มนม
bulletเพิ่มน้ำนมภายใน 14 วันแรก
bulletเครื่องปั๊มนมยี่ห้อไหนดี
bulletซื้อเครื่องปั๊มที่ไหนดี
bulletปั๊มไฟฟ้า รุ่นไหนดี
bulletเรื่องของคุณแม่นักปั๊ม
bulletถุงเก็บน้ำนมแม่
dot
กลเม็ดเคล็ดลับ
dot
bulletวิธีบีบน้ำนมด้วยมือ (new)
bulletบีบด้วยมือ vs ปั๊มด้วยเครื่อง
bullet10 เคล็ดลับเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ให้ครบปี
bulletนอนให้นม...สบายมากๆ เลย
bulletอุปกรณ์เสริม ช่วยแม่ให้นมลูก
bulletมุมให้นมแม่
bulletวิธีพาสเจอร์ไรซ์นมแม่
dot
ปัญหาที่พบไม่บ่อย
dot
bulletลิ้นติด (Tongue Tie)
bulletเลี้ยงลูกแฝดด้วยนมแม่
bulletต้องการถามปัญหาอื่นๆ
bulletทำไมทารกร้องไห้โยเย
dot
หนังสือแนะนำ
dot
bulletขอรับหนังสือนมแม่ฟรี
bulletการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
bulletสร้างชีวิตมหัศจรรย์ด้วยน้ำนมแม่
bulletนมแม่ ทุนสมองของลูกรัก
bullet เคล็ดลับ...แม่มือใหม่ "นมแม่"
bulletเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
bulletพัฒนาสมองด้วยนมแม่...
bulletGuide to Breastfeeding
dot
แหล่งข้อมูลความรู้เรื่องนมแม่
dot
bulletคลินิกนมแม่ทั่วประเทศ
bulletนมแม่ แน่ที่สุด
bulletศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย
bulletคลีนิครัก
bulletศริริราชออนไลน์
bulletสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติ
bulletwww.breastfeeding.com
bulletPromom
bulletรักลูก
bulletLa Leche League
bullet4woman
bulletMother & Child Health
bulletWABA
bulletBreastfeedingonline
bulletDr. Sears
bulletbreastfeedingbasics
bulletwebboard
bulletkellymom
bulletDr. Jack Newman
bulletInfact
bulletgotbreastpump
bulletNew Beginnings
bulletโครงการสายใยรัก
bulletศูนย์ข้อมูล สสส
bulletUNICEF
bulletbreastfeedingmadesimple
bullethm4hb
bulletLactation Narration
bulletNormalFed
dot
Brainfeeding
dot
bulletเก็บมาฝาก
bulletIf we don't care, who will?
bullet๖๐ เรื่องน่ารู้ ในหลวงของเรา
bulletสัมภาษณ์ ดร. อาจอง ชุมสาย ฯ
bulletคนดีของพ่อ
bulletเรื่องที่ไม่มีใครอยากให้รู้
bulletคุยกับประภาส
dot
Sponsor Link
dot
bulletbfdcenter
bulletร้านนมแม่
bulletศูนย์รวมฟิล์มทุกชนิด
bulletV-Kool
bulletSuvarnabhumi Airport Hostel
bulletBussaba Bangkok Boutique Hotel Suvarnabhumi Airport
bulletbeing-mom
bulletมีลูกยาก
bulletSite Map
ปั๊มไฟฟ้า รุ่นไหนดี whisper
unimom allegro
ardo calypso
Ardo Carum
bulletนมแม่


ร้านนมแม่-เครื่องปั๊มนม


เรื่องของแม่น้องจู๊ด

ทันทีที่อ่านเมล์ของคุณจบ ดิฉันก็เริ่มลงมือเขียนมันทันที ในขณะที่ตัวเองกำลังประสบปัญหาเรื่องน้ำนมที่จะให้ลูกอยู่พอดี เลยขอเขียนความในใจระบายออกไปโดยไม่ขัดเกลานะคะ ขอเขียนสดๆ  เลยก็แล้วกันเพื่อทางเว็บจะได้ปิดโครงการทันในปีนี้และที่สำคัญคือ.. กลัวว่าถ้าไม่ลงมือตอนนี้อาจจะไม่ได้ทำอีกเลย(เหมือนอย่างหลายๆเรื่องตอนนี้)  

และสุดท้ายของการอารัมภบท "อานิสงส์ของการให้ความรู้เป็นทาน จะช่วยทำให้เป็นผู้มีปัญญาดีค่ะ ลูกๆ ก็จะได้ฉลาดเฉลียว ทันคน" ประโยคนี้ จากที่ดิฉันไม่เคยนิยมขอพรจากอะไรก็ตามให้ตัวเองเลย แต่ครั้งนี้ต้องขอแล้วค่ะ ขอให้ดิฉันได้เลี้ยงลูกชายสุดที่รักคนเดียวคนนี้ด้วยนมแม่(ล้วนๆ)ให้ได้สำเร็จภายในอายุตั้งแต่ 1 เดือนของลูกค่ะ สาธุๆๆๆๆ (ตอนนี้น้องจู๊ด-Jude- 3สัปดาห์ค่ะ แทบจะไปกราบไหว้ส่งศักดิ์สิทธิ์แล้ว  

รู้ตัวว่าเป็นคนใจอ่อนและลูกกับดิฉันตกเป็นเหยื่อการตลาดของนมผสม แต่ดิฉันไม่เคยยอมแพ้นะคะ ตอนนี้กำลังจะรีดเลือดตัวเองไปซื้อเครื่องปั๊มนม ตายเป็นตายเจ๊งเป็นเจ๊งค่ะ..อ๊ะ ประโยคนี้คุ้นๆ555) อย่างไรก็ดี ถ้า"ลูกดิฉันจะได้ฉลาดเฉลียว ทันคน"ก็ต้องเป็นเพราะได้กินนมแม่ค่ะ ได้โปรดอวยพรให้ดิฉันด้วย..
 
ดิฉันก็เป็นคนหนึ่งที่ fight กับการตลาดของพวกเงินทุนสามานย์อยู่ ..ดิฉันต่อสู้ด้วยจิตสำนึกนะคะว่าอะไรไม่ถูกไม่ควรก็ต้องโวย ไม่ได้เป็นผู้สูญเสียผลประโยชน์แต่อย่างใดมาก่อน(จนกระทั่งเป็นนั่นแหละค่ะ) การดำเนินธุรกิจแบบไม่มีธรรมาภิบาลนี้ส่งผลกระทบต่อเราในวันหนึ่งอย่างแน่นอน ขนาดดิฉันแคร์มันมานานแล้ว ยังเจอเข้ากับตัวเองจนได้ เฮ้อ...
 
ตั้งแต่ทราบว่าตัวเองตั้งครรภ์เมื่อต้นปี(กุมภาพันธ์ 2551) ก็หาข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพใน internet จนได้พบกระแสเรื่องนมแม่ (ให้ตายเถอะ ถ้าไม่ท้องก็คงไม่เคยได้ยินกระมังคะ) และเริ่มกังวลว่าตัวเองหัวนมบอดนิหว่า จะให้นมลูกได้ไหมเนี่ย? ก็เลยไปถามแม่ตัวเองที่หัวนมบอดเหมือนกัน.. แม่ก็ยืนยันหนักแน่นว่าให้ด๊ายย.. ลูก 2 คน(ดิฉันและน้องสาว)กินนมแม่ล้วนๆตลอดเป็นปีๆเลยด้วย ดิฉันก็มั่นใจเชียวค่ะ ว่าตัวเองต้องให้ได้แน่นอนโดยที่ไม่กังวลอะไร ท่ามกลางเสียงคัดค้านของคุณหมอสูติฯ แต่โดยเรายังมีปทุมแก้วแบบแข็งๆของศิริราชคู่ละ 60 บาทมาให้ใส่กันเหนียวด้วย แม้ดิฉันจะไม่ค่อยได้ออกจากบ้านและโนบราเวลาอยู่บ้านก็ตาม(คงไม่ค่อยได้สวมอุปกรณ์ดังกล่าวมากนัก) แต่ก็ยังมั่นใจว่าตัวจะให้นมลูกได้เหมือนแม่ตัวเองแน่นอน
 
ซึ่งการอ่านข้อมูลอื่นๆมากมายก็ยังดำเนินต่อไป และก็ยังอ่านเรื่องนมแม่อยู่ คือ..อะไรที่เกี่ยวข้องและเป็นความรู้ก็จะอ่านๆๆๆทั้งหมด +กอร์ปกับวันหนึ่ง มีโอกาสได้ขึ้นไปที่วอร์ดสูติฯของโรงพยาบาลที่ฝากท้อง ก็ได้เห็นเค้าลางว่าเขาอาจไม่สนับสนุนนมแม่ เนื่องจากเขาให้เด็กเกิดใหม่ต้องเข้าตู้อุ่นอุณหภูมิประมาณ 38องศากระมังจำไม่ได้ แต่มันพอๆกับอุณหภูมิของร่างกายคนน่ะค่ะ ต้องอยู่เป็นเวลา 6 ชั่วโมงหลังจากออกจากท้องแม่เลย
 

โดยอ้างว่าการร้องไห้ (อย่างโดดเดี่ยวในตู้โดยปราศจากอ้อมอกแม่) ของเด็กเป็นการขยายปอด ซึ่งดิฉันไม่เห็นด้วยอย่างแรง และที่สำคัญดิฉันเห็นขวดนมที่มีนมอยู่ในรถเข็นเด็กอะค่ะ แย่แร๊วว.. นี่มันต่างจากโรงพยาบาลที่สนับสนุนนมแม่ที่บอกว่าต้องให้ลูกอยู่ในอ้อมอกเราเลยนิ ดิฉันอยากให้ลูกมาอยู่ในอ้อมอกของฉันหลังคลอดบ้าง ก็เลยถึงกับคิดจะเปลี่ยนโรงพยาบาลแล้วไปคลอดที่ศิริราชกันเลยเชียวค่ะ(บ้านใหม่อยู่ย่านพุทธมณฑลค่ะ ศิริราชก็เลยใกล้สุด)
 
นอกเรื่องนิดนึงนะคะ เหตุที่ดิฉันฝากท้องกับโรงพยาบาลนี้(โรงพยาบาลมิชชั่น ถ.พิษณุโลก)ก็คือ
 

1. แม่คลอดดิฉันและน้องสาวที่นี่ค่ะ, รพ.อยู่ใกล้กับบ้านเกิดที่โตมา(บ้านเก่าอยู่สี่แยกอุรุพงษ์-เพิ่งย้ายออกมาไม่กี่ปีค่ะ) เลยมีความผูกพันกับรพ.นี้อยู่บ้าง ซึ่งถามแม่ว่าตอนดิฉันเกิดเขาเอามาให้กินนมแม่ทันทีเลยป่าว? แม่ก็บอกว่าเอามาค่ะ ก็ยังอุ่นใจตรงนี้อยู่(พอถึงตาดิฉันคลอดจริงก็เอามานะ แต่เอามาคว่ำไว้แบบเก้ๆกังๆ พอลูกไม่ดูดก็ย้ายเอาไปเนิร์สฯทันทีเลยค่ะ)
 
2.ดิฉันใช้สิทธิประกันสังคมและเลือกโรงพยาบาลนี้มากว่า 10 ปีแล้ว รู้จักคุ้นเคยกับเจ้าหน้าที่และคุณหมออยู่บ้าง โดยล่าสุดดิฉันเป็นลมพิษเรื้อรังมาเป็นเวลา 3 ปี
ก่อนจะตั้งครรภ์ และได้มาพบคุณหมอ+รับยาแก้แพ้ทุกๆ 1-1.5 เดือนอยู่แล้ว การฝากครรภ์จึงเป็นไปอย่างต่อเนื่องที่นี่เพื่อที่จะให้คุณหมอผิวหนังดูแลอาการและการรับยาในยามตั้งครรภ์ต่อด้วยนั่นเอง
 
3.ช่วงที่ฉันคิดจะเปลี่ยนโรงพยาบาล แม่(ซึ่งเป็นเจ้าของกิจการบริษัทที่ดิฉันเข้ารับสิทธิประกันสังคม) ก็ปรามเอาไว้ว่า ถ้าคลอดแบบใช้ประกันสังคม..เราจะได้สิทธิคุ้มครองลูกเราต่อด้วย กล่าวคือถ้าลูกที่คลอดแบบใช้สิทธิประกันสังคมเกิดป่วย ลูกก็จะสามารถรับสิทธิดังกล่าวได้เหมือนเวลาเราป่วยเองน่ะค่ะ (ซึ่งนั่นไม่เป็นความจริงเลย.. มาทราบตอนหลังว่าแม่ดิฉันมั่วค่ะ แกไม่อยากให้ลูกสาวไปคลอดโรงพยาบาลของรัฐฯแค่นั้นเอง ถึงกับลงทุนมั่วข้อมูลเพื่อให้ได้อย่างที่ใจตัวเองต้องการกันเลย.. เรื่องนี้รับไม่ได้และเสียใจมากๆเลยค่ะ)
 
...พอเห็นว่าสถานการณ์ชักไม่ดี ในที่สุดดิฉันตัดสินใจจะไปปรึกษาคลินิคนมแม่ถึงการเตรียมตัวถ้าจำเป็นจะต้องไปคลอดในรพ.ที่ไม่สนับสนุนนมแม่ค่ะ ในขณะที่กำลังวางแผนจะเดินทางไปรพ.ศิริราชอยู่นั่นเอง สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นกับดิฉัน นั่นก็คือดิฉันเป็นผื่นพียูค่ะ(PUPPP-ผื่นคนท้องไตรมาสสุดท้ายที่แสนจะนรกมากกกก)
 

ดิฉันเป็นหนักอาการรุนแรงกระทั่งเฉียดจะเสียสติไปหลายวัน ผลก็คืออาการคันและเจ็บปวดสุดแสนทรมานจนไม่กล้าที่จะเดินทางออกจากบ้าน นอกจากจะไปตรวจครรภ์ที่โรงพยาบาลเพราะที่นั่นมีหมอเลยมีกำลังใจไปค่ะ) ส่วนเรื่องการให้นมแม่ก็ตกเป็นภาระกังวลอยู่ไม่น้อย โดยคิดที่จะพยายามหาข้อมูลอยู่ที่บ้านต่อไป ผื่นพียูทำให้เลิกล้มที่จะเดินทางไปในที่ร้อนและคนเยอะ เพราะมันไม่คุ้มกับความทรมานตอนกลับมาบ้านเลย.. นั่นคือสิ่งที่ดิฉันคิดค่ะ
 
และแล้วความเสี่ยงตอนคลอดจริงก็เกิดขึ้น ทุกอย่างได้ดำเนินไปตามที่ดิฉันกลัวเป๊ะเลย คือคลอดแล้วถูกแยกไปเนิร์สฯ แต่ยังดีที่คิดว่า"คลอดแพคเกจประกันสังคมเค้าให้อยู่แค่คืนเดียวค่ะ(คลอดธรรมชาติ)" คิดว่าอยากป้อนขวดลูกก็ป้อนไป คืนเดียวลูกเราน่าจะกลับมาหัดดูดเต้าได้ทัน.. และตอนคลอดลูกออกมาใหม่ๆ ดิฉัน
กลับเห็นแววตาของลูกตัวเองว่า..เค้าไม่มีความกลัวเลย เด็ก 40 สัปดาห์กว่าๆคงไม่ร้องไห้กระมัง คลอดมาแล้วมองโน่นนี่เฉยๆไม่ร้องไห้โยเยเหมือนลูกคนอื่น กล่าวคือ..มันรู้สึกว่าหมดห่วง ลูกคงอยู่ได้น่ะ อีกเดี๋ยวค่อยเจอกัน..ประมาณนี้ +คงเพราะด้วยความเหนื่อยและอ่อนล้า กับเชื่อว่าลูกเราโอเคจริงๆ(พอที่จะอยู่เนิร์สฯ ได้โดยไม่มีฉัน) ก็เลยไม่ได้ร้องขอให้ลูกมาอยู่กับดิฉัน  และอีกวันที่พักฟื้นในโรงพยาบาลจนถึงวันนี้.. เชื่อไหมคะ ว่าฉันยังสติแตกจัดการอะไรไม่ได้ จากเดิมที่เป็นคนวางแผนและปฏิบัติตามได้ทุกอย่างโดยเคร่งครัด กลับทำได้แค่จัดการปัญหาเฉพาะหน้าไปวันๆเท่านั้น
 
สิ่งที่เสียใจที่สุดคือ.. ฉันไม่ฟังที่พยาบาลบอกเลย ว่าชงนมอย่างนี้ๆนะ ปลุกลูกมาให้นม(ผสม)ทุกกี่ชั่วโมงๆ ฯลฯ คิดอย่างเดียวว่าพอกลับมาถึงจะให้กินนมแม่ก็พอ และลูกฉันอยากจะกินตอนไหนก็จะให้กินนั่นเอง..เป็นอันจบเรื่อง ฉันไม่ได้เตรียมขวดนมเอาไว้ให้ลูกเลยด้วยซ้ำ(มีเพียงขวด 8 ออนซ์ขวดเดียว ทางรพ.สั่งให้เตรียมไว้น่ะค่ะ) ..พอกลับมาถึงบ้านจริงๆแล้ว ลูกเริ่มร้องดิฉันก็ให้ลูกมาดูดเต้า ปรากฏว่าเค้าไม่ดูดค่ะ.. พยายามอย่างไรก็ไม่ยอมดูด เท่านั้นแหละฉันถึงกับทำอะไรไม่ถูก
 

ที่นึ่งขวดนมก็ไม่มี จะทำอย่างไรให้ขวดสะอาดและเปิดนมกระป๋องเล็กๆที่เขาแถมมาให้ชงได้อย่างไรดิฉันไม่รู้เลย รู้แต่ว่าแย่แล้ว.. เพลียจากการคลอดและอดนอนมาแล้ว 1 คืน(เพราะช่วงพักฟื้น 24 ชั่วโมงก็ไม่ได้นอนค่ะ คือทั้งไปดูวิดีโอสอนการอาบน้ำ เช็ดสะดือ ฯลฯ กับเอาแต่จะคุยๆๆเรื่องตอนคลอดกับพ่อเด็ก) ฉันจึงปล่อยให้ลูกร้องหิวโดยที่ตัวเองขอหลับไปถึง 2 ชั่วโมง  

คุณ webmother ขา... ฉันเสียใจมากๆและไม่คิดจะให้อภัยตัวเองเลย ทุกวันนี้ภาพเจ้าหนูกำลังร้องไห้หิวนมเป็นเวลา 2 ชั่วโมงข้างๆฉันยังคงตามหลอกหลอนฉัน ปากน้อยๆของเขาเปิดกว้าง ร้องไห้หิวโดยที่ไม่ได้รับความสนใจ(พิมพ์ไปใจก็หล่นไปค่ะ) รับไม่ได้กับสิ่งที่ตัวเองทำ...
 
ในที่สุด 2 ชั่วโมงนั้นที่งีบไปลึกมากๆ ก็ตื่นขึ้นมาโดยที่ลูกยังร้องอยู่ ฉันตัดสินใจเดินไปอีกห้องหนึ่งเพื่อปลุกพ่อเด็กที่สลบไปเหมือนกัน ให้ใช้หม้อหุงข้าวต้มน้ำเพื่อต้มขวดนมและเปิดกระป๋องเล็กๆนั่น..ชงมันซะ สักพักลูกก็ได้กินนมและหยุดร้องค่ะ.. เล่าไปใจแทบขาดเพราะไม่รู้จริงๆว่าตอนนั้นควรทำอย่างไร ถ้ารู้ว่าในที่สุดลูกต้องกินนมผสมอยู่ดี ก็คงเตรียมขวดสะอาดๆและชงให้ลูกกินตามที่พยาบาลบอกไปแล้ว... เสียใจไม่เสร็จที่ลูกร้องหิวไปฟรีๆถึง 2 ชั่วโมง (ขอโทษที่ย้ำเขียนนะคะ ดิฉันฝังใจมากเลย*รู้ตัวค่ะ)
 

แต่ก็อาจจะเป็นลิขิตของเจ้าหนูนะ เพราะมันยิ่งทำให้แม่คนนี้ยิ่งรักหนูมากจนสุดใจและห่วงใยหนูขึ้นอีกเป็นทวีคูณ.. ความรู้สึกผิดตั้งแต่วันแรกที่อุ้มลูกเข้าบ้านครั้งนั้นทำให้ฉันต้อง"work hard"กับทุกเรื่องของเขาไปตลอดชีวิตเป็นการชดเชยค่ะ..ฉันบอกกับตัวเองอย่างนั้น 

นั่นก็คือการเริ่มต้นอุปสรรคของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ค่ะ จะเห็นได้ว่าแม้จะเป็นคุณแม่ที่สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้อย่างฉัน ก็ยังไม่วายมีปัญหาเฉพาะตัวที่แหล่งข้อมูลไหนๆก็ไม่สามารถจะเตือนให้ระวังหรือเตรียมตัวใดๆได้อยู่ดี(โชคร้ายมั่กๆ) และบางครั้งก็รู้สึกว่า องค์ความรู้ที่ได้ยินได้ฟังมามากๆนี่แหละตัวดี ทำให้เราระแวงไปหมด และเมื่อมันไม่เป็นอย่างที่เคยรู้มาก็เกิดความไม่มั่นใจ ประสาทกินจนทำอะไรไม่ถูก ทั้งนี้เพราะความรู้ที่ได้ยินมานั้นมันยังขัดแย้งกันอยู่และไม่มีข้อยุติน่ะค่ะ พอถึงเวลาจริงๆแล้วตัดสินใจไม่ถูก .. เกิดอาการ"ไปไม่เป็น"ว่าจะยืนอยู่ข้างไหนถึงจะดี มันเลยก้าวต่อไปไม่ได้
 
"วิธีแก้ไข" 

มันก็มีทั้งที่คิดเอาเองจากการสังเกตและศึกษาลูกและตัวเอง หรืออีกทางคือการขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ.. จากบทความในเว็บเองก็มีบทหนึ่งที่แปลเอาไว้ ใจความว่าอย่าคิดแก้ไขเอง..ให้ขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญดีกว่า แต่ดิฉันก็ไม่ค่อยอยากจะเชื่อ จากสัญชาตญาณเลยนะคิดว่าไม่น่าจะมีใครเข้าใจฉัน และลูกเรา.. เราก็น่าที่จะจัดการไปในแบบของเรา และที่สำคัญคือ ใช่..! บทความแปลมาจากฝรั่ง(สังเกตจากชื่อ) และฉันเชื่อว่า"ผู้เชี่ยวชาญ"ของฝรั่งกับบ้านเราน่าจะมีมาตรฐานที่ต่างกัน 

ขอสรุปปัญหาตอนนี้เป็นข้อๆดังนี้ค่ะ 

1.หัวนมบอด เข้าใจค่ะว่าต้องดูดที่ลานนม แต่ความมั่นใจมีน้อยนิดเพราะแม่คนนี้เคยเข้ารับการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหัวนมเมื่อ 10 ปีก่อน(ตอนนั้นอายุ20กว่าๆ) แต่การผ่าตัดล้มเหลวทำให้หัวนมข้างหนึ่งขาดไปเลยค่ะ ข้างนั้นเลยได้แต่ปั๊มทั้งๆที่น้ำนมไหลเยอะกว่าอีกข้างเสียด้วยซ้ำ ลูกไม่ยอมดูดเลยค่ะ
 
2.น้ำนม(ยัง)น้อย ..คลอดมา 3สัปดาห์แล้วยังปั๊มได้แค่วันละ 5-6ออนซ์ ซึ่งกว่าจะได้ปั๊มมือมาใช้ก็ประมาณ 1 สัปดาห์หลังคลอดแน่ะค่ะ ลูกเคยดูดนมข้างที่มีหัวยื่นมาบ้าง แต่เค้าก็ดูดไม่เป็นคือ..ไม่ได้งับที่ลานซึ่งความเข้าใจของดิฉันคือเขาปากยังเล็กอยู่ ทำให้ดูดแล้วก็เจ็บแถมยังได้น้ำนมไม่มากด้วย แต่จนท.ที่คลินิคนมแม่บอกว่าเป็นเพราะเด็กติดการดูดขวด เด็กเลยอ้าปากไม่มาก.. แล้วจะให้ดิฉันทำอย่างไรคะ ต้องหักดิบป้อนถ้วยกันตั้งแต่มื้อถัดไปหลังจากวางสายกันเลยหรือ? ไม่มีคำแนะนำแบบค่อยเป็นค่อยไปหรือไง
 
3.ไม่มีเงินซื้อปั๊มเครื่อง และปั๊มมือก็เริ่มขี้เกียจปั๊มแล้ว เพราะคงเรื่องมาก เห็นได้นมน้อยก็เสียกำลังใจ บางครั้งก็เครียด ปั๊มไปร้องไห้ไปแล้วมันจะปั๊มออกไหม? มันก็ไม่ออกน่ะค่ะ ก็โมโหตัวเอง เพลียมากก็อยากนอนแล้ว
 
4.กำลังใจไม่มีเลย เพราะคิดว่าตัวเองแปลกประหลาด กรณีเราไม่เหมือนคนอื่น โทรไปคลินิคนมแม่ก็ไม่ค่อยได้คำตอบที่ดีเท่าไหร่ เพราะไม่รู้จะเริ่มถามอย่างไร และหลายๆคนที่ส่งเสริมให้กินนมแม่เองนี่แหละ ที่ทำให้ดิฉันรู้สึกแปลกแยกมากขึ้นไปอีก จากที่ฟังน้ำเสียงของจนท.แล้วก็ฟังออกว่า"เค้าเบื่อแม่อย่างฉัน" ยอมให้ลูกดูดขวดเองแล้วจะให้ช่วยยังไงได้? นั่นน่ะสิคะก็ถ้าใจแข็งได้มันก็คงไม่มีปัญหา แต่ในเมื่อความใจอ่อนเป็นปัญหาหนึ่งของการให้นมแม่แล้ว..จะไม่นับอยู่ในข่ายของการให้ความช่วยเหลือหรือ? กับบรรดาแม่ๆอีกหลายๆคนที่พากันแนะนำให้ลูกดูดเต้า..ง่ายๆแค่นี้ก็จบ ได้ยินแค่นี้ก็รู้สึกว่า"นี่ไม่ใช่คำตอบ"แล้วล่ะค่ะ


วิธีแก้ปัญหาของฉัน หลังจากถูกสังคมแห่งการให้นมแม่ปล่อยเกาะก็คือ..
บอกตัวเองก่อนว่า"ลูกดิฉันก็ต้องเลี้ยงในแบบของดิฉัน" เริ่มจากไม่ซีเรียส
แล้วว่าลูกจะดูดเต้าหรือไม่ เราประเมินความสามารถและความดื้อของลูก
และความใจอ่อนสุดขั้ว (อันแสนจะธรรมดาของคนเป็นแม่ที่ใครไม่มีปัญหา
เขาก็ไม่รู้หรอกว่าเรารู้สึกผิด รู้สึกแย่ และมืดมนแค่ไหน
..ไม่มีทางที่ดิฉันจะหักดิบลูกให้งดขวดในมื้อต่อไปหลังจากนี้
และเอาชีวิตที่เหลือมาพยายามป้อนถ้วยลูกหรอก เพราะถ้ามันลำบากขนาดนั้น
..ฉันว่าเราชงนมใส่ขวดให้ลูกกินไปเสียก็ดีเหมือนกัน
 
*ออกแนวงอนและประชดนิดๆนะคะขออภัย
 
ความจริงแล้ว..เราไม่แน่ใจว่าถ้าเราทำอย่างนั้นแล้วมันจะได้ผล 100%
คุ้มค่ากับที่พยายาทำไปไหมต่างหาก ซึ่งแน่นอนว่าเรานึกภาพความสำเร็จ
ไม่ออกเลยซักนิด และก็ไม่ทราบด้วยว่าต้องทำไปนานแค่ไหน และก็ไม่รู้ว่า
ลูกจะปลอดภัยไหมและถ้านมผสมหกมากมายไปกับการป้อนถ้วย..คุณก็รู้ว่ามันแพง)
 

(ต่อ)..ของตัวเองก่อน และตกลงกับสามีแสนดีของฉัน ว่าเราจะให้นมแม่เท่าที่เราจะทำได้ค่ะ
 
บทความในเวบนมแม่ที่เป็นกำลังใจและมีประโยชน์มากบทหนึ่งก็คือ
บทที่พูดถึง pumping mom ในอเมริกา ทำให้ฉันเข้าใจว่าการที่ลูกไม่ได้ดูดนมนั้น
ร่างกายเราน่าจะยังสามารถให้นมแม่ได้.. อย่างน้อยก็รอวันที่เจ้าหนูอารมณ์ดีๆ
หรือจังหวะหัวนมนิ่มแล้วเค้ายอมดูด ก็จะคว้า(โอกาสนั้น)ไว้โดยให้ลูกดูดทันที
และทุกครั้งเท่าที่ทำได้.. แต่ไม่ได้ตั้งเป้ากดดันตัวเองว่า"ลูกจะต้องดูดเสมอ"...
 
และ... อ่าน อ่าน อ่าน..แล้วก็อ่าน ดิฉันอ่านข้อมูลจนตาแทบบอด
และพอที่จะตัดสินใจได้ว่า ฉันต้องพึ่ง"ปั๊มเครื่อง" โดยที่สามีแสนดีของฉัน
เป็นคนค้นเบอร์ปั๊มไฟฟ้ามือสองในราคาที่ฉันยอมทุ่ม แต่โดยที่..ถ้าหาไม่ได้
ฉันก็จะทุ่มทุนซื้อเครื่องใหม่กิ๊กมาใช้อยู่ดี ทั้งๆที่เงินในกระเป๋าของฉัน
มันมีอยู่แค่นั้น เพราะฉันอ่านจนแน่ใจแล้วว่ามันช่วยฉันได้จริงๆ..
 
ซึ่งตอนนี้ก็มีมันมาครอบครองแล้ว และกำลังพิสูจน์สิ่งที่ตัวเองแน่ใจอยู่
(ฉันบอกตัวเองและสามีว่า.. เงินหาใหม่ได้ แต่ภูมิคุ้มกันลูก..มีโอกาสเดียว
และเราย้อนเวลากลับไปเริ่มใหม่ไม่ได้ นี่เป็นแนวคิดที่ได้จาก webmother
ถึงความคุ้มค่าของการซื้อปั๊มค่ะ)
 
*ขณะนี้ดิฉันปั๊มมา 1 เดือนแล้ว(ลูกอายุ 1 เดือนกับอีก 1 สัปดาห์)
โดยก่อนนี้ปั๊มมือ และเพิ่งมาใช้ปั๊มไฟฟ้าได้ 6 วัน ฉันมีนมให้ลูกกิน
วันละ 1- 3 มื้อ รวมๆประมาณ 6 - เกือบ 10 ออนซ์/วัน จากที่ปั๊มครั้งแรกๆ
ได้วันละ 2 ออนซ์ค่ะ น่าจะเป็นสถิติธรรมดาๆที่น่าพอใจสำหรับฉันมากๆ
 

 "เลี้ยงลูกด้วยนมแม่" หวังว่าประโยคนี้จะไม่ได้หมายถึง
การดูดจากเต้าเท่านั้นใช่ไหมคะ? ขอที่ยืนในสังคมให้กับแม่อย่างฉัน
ที่ให้ลูกดูดนมแม่จากขวด(ด้วยความจำเป็น)จะได้ไหม เป็นกำลังใจ
ให้กับความพยายาม(แอบ)ให้นมลูกจากเต้าในอนาคต
...กำลังใจ ว่าปาฏิหารย์จะมีจริง..และเกิดกับฉันบ้าง
 
ฉันรักลูกตัวเองไม่น้อยไปกว่าพวกคุณหรอกค่ะ

 

หมายเหตุจาก webmother:  ขอเสริมประเด็นเรื่องของคุณแม่น้องจู๊ดสักสองสามข้อ เพื่อป้องกันคุณแม่มือใหม่ไม่ให้หลงทางนะคะ 

1. คุณแม่ที่ท้องแรกและไม่มีประสบการณ์อ่านแล้วอาจจะรู้สึกคล้อยตามว่า "ถ้าแบบนี้ เราเตรียมนมผสมและขวดนมไว้เลยน่าจะดีกว่า"  อยากบอกว่าการเตรียมนมผสม "เผื่อ" ไว้นั้น เป็นดาบสองคมค่ะ จากประสบการณ์ที่ผ่านมา คนที่มีนมผสมเผื่อไว้ มักจะประสบปัญหากับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่มากกว่าในภายหลัง คือมีแนวโน้มที่จะยกธงขาวยอมแพ้ได้ง่ายกว่า ในขณะที่คนที่ไม่เผื่อนั้น อาจจะรู้สึกทุกข์ทรมารและยากลำบากในช่วงสัปดาห์แรก แต่เมื่อผ่านไปได้แล้ว จะประสบความสำเร็จในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ง่ายกว่า คุณแม่มือใหม่ทั้งหลายอ่านบทความของแม่มือเก่าหลายๆ คน แล้วค่อยตัดสินใจให้ดีนะคะว่า จะมีนมผสม "เผื่อ" ไว้หรือไม่ 

2.หัวนมบอด แบน บุ๋ม เล็กหรือใหญ่ ไม่ใช่ปัญหาค่ะ อย่าให้ใครมาบอกว่าหัวนมคุณผิดปกติไปจากคนอื่นแล้วจะทำให้ในนมลูกไม่ได้ ทารกที่เพิ่งคลอดออกมาจากท้องแม่ไม่รู้หรอกค่ะว่า หัวนมปกติเป็นอย่างไร ถ้าคุณแม่หัวนมบอด แล้วเราก็ให้เขาดูดหัวนมบอดทันที เด็กก็จะเรียนรู้ว่าหัวนมเป็นแบบนี้ ถ้าภายหลังเอาเด็กคนนี้ไปดูดนมแม่คนอื่นที่มีหัวนมปกติ  เขาก็จะดูดไม่เป็น เพราะเขาเรียนรู้หัวนมบอดๆ ของแม่เขาไปแล้วค่ะ 

ปัญหาของเรื่องหัวนมก็คือ คนส่วนใหญ่คิดไปเองว่าถ้าหัวนมผิดปกติ เด็กจะดูดไม่ได้ เอาขวดนมไปให้ดูดก่อน พอเด็กเรียนรู้การดูดจุกนมธรรมดาแล้วก็จะไม่ยอมดูดนมแม่ คราวนี้ก็มาโทษว่าเพราะแม่หัวนมบอดลูกเลยไม่ดูด   

คุณแม่น้องจู๊ดโชคไม่ดีที่ไปคลอดโรงพยาบาลที่ไม่ได้สนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ทำให้ไม่ได้รับคำแนะนำและความช่วยเหลือที่ถูกต้อง ก็เลยทำให้อะไรๆ มันยากไปหมด แต่น้องจู๊ดก็ยังโชคดีที่มีคุณแม่ที่สู้ตาย และไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ ขนาดพบกับอุปสรรคสารพัด ก็ยังพยายามที่จะให้นมแม่ให้ได้ค่ะ

 ต้องการพูดคุย ปรึกษา ปรับทุกข์กับแม่น้องจู๊ด กรุณากรอกแบบฟอร์มแรก หรือต้องการแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรอกแบบฟอร์มล่างสุดค่ะ



ชื่อ
เบอร์โทรศัพท์
อีเมล
หัวข้อ
รายละเอียด




แม่มือเก่า...เล่าให้ฟัง

Ardo Colostrum Care
Bell Phaphat Kaosanit
Natkittiya Icyjet Terapreyapong
Toonie Toon
Wilawan Pechthong
Oiy Namon
Menee Khong-Udnun
Rungfar Chaiya
Gypso Yanakron
Woraluck Supcharoen
ธารา มัม
Angel Fáh
KaRo Jung
Premkamon Ketbunjong
Ann Jaruwan
My-Favorite An Ya
Masjung Ja
Linda Yaya Lakthong
Jaratsri Ruangsrisut
น้องขวัญ
เรื่องของแม่หนึ่ง
ประสบการณ์กู้น้ำนมของแม่อ้อย
น้องไอหมอก
นมไหนใครว่าแน่.. article
แม่น้องปุ๊บปั๊บ
(น้ำ) นมนี้แม่สร้างได้
แม่น้องเจสสิกา
เรื่องของน้องเก้า
เรื่องของน้องโอห์ม
แม่น้องต้นหนาว
คุณแม่น้องเนส
คุณแม่ลูกเอิร์ท
ครอบครัวตัว ต.
เรื่องของแม่น้องมุก
คุณแม่สายใยรัก
พลังรักถักทอเพื่อลูกเอิง
เจ้าตัวน้อยของแม่ - สำหรับแม่ที่กังวลเรื่องน้ำหนักลูก
เรื่องของคุณชลาลัย
เรื่องของแม่น้องนาย
เรื่องของแม่นงนุช
เรื่องของแม่น้อง 4WD
เรื่องของคุณกชกร
เรื่องของน้องน้ำเหนือ
เรื่องของแม่น้องโกะ
ความทรงจำของสองเรา
ท้องสอง ไม่ลองไม่รู้
เรื่องของแม่ตูน
เลี้ยงลูกด้วยนมแม่....เอง
เรื่องของแม่น้องคีย์ Part 2
เรื่องของแม่น้องณัจ
รักต้องสู้ article
ความจริงของคนเป็นแม่ที่ไม่มีใครบอกคุณ
เรื่องของคุณแม่นักปั๊ม
กับดักคุณแม่ทุนนิยมสมัยใหม่
การรับมือกับความเปลี่ยนแปลงจากลูกโทนไปสู่การเป็นพี่คนโต
นมแม่ไม่ใช่แค่อาหาร
เส้นทางของเราสองคน
ฝันของแม่
A Three Course Meal and a Dance
นมแม่ดีแท้ จากแม่พี่จู-น้องเติ้ล article
ฉันทำไปเพื่ออะไรเนี่ย? article
บันทึกของแม่เพื่อต้นหนาว
คำแนะนำจากแม่น้องปุน article
แม่ต่ายขอคุยด้วยคน article
แม่ของอาริสะ article
เรื่องของแม่เอื้อย article
เรื่องของแม่อ้อน article
ยุ้งฉางเล่าเรื่องนมแม่ article
คุณวิภาดา กิตติโกวิท



[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (12297)

ดิฉันก็เป็นคุณแม่ที่หัวนมบอดและให้ลูกดูดนมแม่จากขวด เพราะหัวนมดูดยากลูกก็เลยไม่ค่อยจะยอมดูดและร้องไห้เพราะหิวและดูดนมไม่ได้ ดิฉันก็เลยใช้วิธีปั๊มใส่ขวดแทน ปัจจุบันลูกดิฉันอายุ 4 เดือน 4 วัน แล้วดิฉันก็ยังมีนมแม่ให้ลูกได้กินอยู่เลย เพราะดิฉันไม่ท้อที่จะทำให้ลูกได้กินนมแม่ ดิฉันก็เลยขอเป็นกำลังใจให้คุณแม่น้องจู๊ด อดทนและสู้ๆ เหมือนดิฉันน่ะค่ะ และพยายามทานอาหารเพิ่มน้ำนมเยอะๆ ค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น คุณแม่น้องเป้ยเป้ย (warithar-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2009-01-12 13:24:02


ความคิดเห็นที่ 2 (12302)

ขอเป็นกำลังใจให้แม่น้องจู๊ดนะคะ ขอให้น้องจู๊ดแข็งแรง มีปัญญาดีอย่างที่คุณแม่ต้องการด้วยค่ะ ไม่มีอะไรที่แม่ทำไม่ได้ถ้าตั้งใจแน่นอน ถึงดิฉันหัวนมไม่บอดแต่ก็มีปัญหาเป็นแผลบ่อย ตอนนี้น้องวิญ (ลูกชายคนแรกและคนเดียว) สิบเอ็ดเดือนแล้ว โตมาด้วยนมแม่ล้วนๆ แข็งแรงมาก เป็นกำลังใจให้นะคะ

ผู้แสดงความคิดเห็น แม่น้องวิญ วันที่ตอบ 2009-01-12 15:39:41


ความคิดเห็นที่ 3 (12385)

ขอเป็นกำลังใจให้นะค่ะ คิดว่าสิ่งที่สำคัญคือพยายามอย่าเครียดและสนุกกับการปั้มนมและค่อยๆ พยายามให้ลูกหัดดูดนมจากอกแม่ไปเรื่อยๆ  มีปัญหาเรื่องหัวนมบอดเหมือนกัน หมอและพยาบาลโรงบาลที่คลอดเคยให้คำแนะนำและตรวจดูหัวนมแต่สุดท้ายก็บอกว่าช่วยไม่ไหวเพราะสั้นมาก  ก็ไม่เป็นไรค่ะ ปั้มนมสลับกับให้เค้าดูดไปซักพัก  เด็กก็จะหัดมาดูดนมแม่ได้เอง อยู่ที่ความตั้งใจของแม่นะค่ะ ตอนนี้ลูกได้ 9 เดือนกว่าแล้วยังกินนมแม่อย่างเดียวอยู่ค่ะ แม้แม่ต้องไปทำงานนอกบ้าน

ผู้แสดงความคิดเห็น แม่ลูกหนึ่ง (chalalai_m-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2009-01-13 10:12:14


ความคิดเห็นที่ 4 (12408)

ขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ  ดิฉันก็มีปัญหาในช่วงแรกเช่นเดียวกันตอนนี้ลูกชายอายุ 8 เดือนครึ่งแล้วนมแม่เพิ่งจะหมดไปอาทิตย์กว่า  ในช่วงแรกมีปัญหาหัวนมบอดไม่สามารถแก้ไขได้  รวมทั้งลูกต้องอยู่ในตู้อบ 2 อาทิตย์ ลูกไม่ยอมดูดนมจากเต้า ทำอย่างไรก็ไม่ยอมดูด จนดิฉันถอดใจ  เลยตัดสินใจบีบนมใส่ขวดให้ลูกดื่ม  ไม่ปั้มค่ะ  ดิฉันทำเช่นนี้มาตลอดระยะเวลา 8 เดือนลูกได้กินนมแม่จน 8 เดือนค่ะ จริง ๆ แล้วถ้าไม่รู้สึกว่าเป็นภาระเพราะดิฉันมีงานยุ่งมากลูกคงได้กินนมแม่ต่ออีกดิฉันกินยาเม็ดคุมกำเนิดนมแม่เลยแห้งไปค่ะ ขอให้พยายามต่อไปนะคะแล้วคุณจะรู้สึกปลื้มมาก ๆ อย่างดิฉันค่ะ 

ผู้แสดงความคิดเห็น แม่น้องลีโอ (m_pooja_poo-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2009-01-13 13:10:25


ความคิดเห็นที่ 5 (12433)

เป็นคนที่มีปํญหาเรื่องนมแม่มาตั้งแต่ลูกคลอด ทุกคนต่างบอกว่าเรานมน้อย มีปัญหาหัวนมแตกมากเจ็บถึงหัวใจทุกครั้งที่ลูกดูด เจ็บกว่าแผลผ่าตัดอีก แต่โชคดีที่รพ.ที่คลอดสนับสนุนนมแม่มาก พาลูกมาดูดกระตุ้นทุก3-4ช.ม ทุกครั้งที่ลูกดูด มีทั้งอิ่มใจและเจ็บนมมากทุกครั้ง ทั้งรอคอยลูกและหวาดกลัวความเจ็บปวด เคยท้อจนร้องไห้ แถมกลับมาบ้าน ปั๊มนมได้ไม่ถึงครึ่งoz น่าถอดใจมั้ยคะ แต่ด้วยพลังความเชื่ออย่างแรงกล้าว่าแทบจะไม่มีแม่คนไหนให้นมแม่กับลูกตัวเองไม่ได้ อดทนคำเดียวเท่านั้น ไม่ใช่แค่ไม่กี่วันอย่างหลายคนนะคะ แต่เป็นเดือนค่ะที่ต้องให้ลูกดูดทั้งที่ไม่รู้เลยว่าเค้าได้นมบ้างมั้ย พอหายจากหัวนมแตก ต้องเจอกับเต้านมอักเสบอีก เจ็บทั้งเต้า เจ็บทั้งหัวนม โดนผ้าเช็ดตัวยังไม่ได้เลยแถมเจอการรักษาผิดวิธีให้บีบนมทิ้งอีก กว่าทุกอย่างจะเรียกได้ว่าราบรื่นก็ปาเข้าไป2เดือน ทุกวันนี้มีความสุขมากที่วันนั้นเราสู้ตาย ยอมเจ็บแต่ไม่ยอมแพ้ ลูกแม่แข็งแรงมาก ไม่เคยป่วยเลย ร่าเริง ทะเล้นที่สุด รักนมแม่สุดชีวิต เป็นกำลังใจให้นะคะ ไม่ว่าจากขวด จากเต้า นมแม่มีความหมายสำหรับลูกเสมอ

ผู้แสดงความคิดเห็น มามี้หนูcc (tukopas-at-yahoo-dot-co-dot-th)วันที่ตอบ 2009-01-13 16:57:40


ความคิดเห็นที่ 6 (12623)

เป็นคุณแม่หัวนมบอดเหมือนกัน  ลูกคนโต(ตอนนี้ 2 ขวบ) ตอนแรกไม่มีนมเลย  มีแต่ซึมๆ  1อาทิตย์ต่อมา ปั๊มได้วันละครึ่งออนซ์ พยายามทำทุกอย่างและกินทุกอย่างที่บอกว่าจะทำให้มีน้ำนม  บวกกับความพยายามของลูกน้อยในการดูด ดูดจนหัวนมปูดออกมา  ตอนนี้ลูกคนที่สองเลยสบายไปเลยค่ะ (กว่านมจะปูดออกมา  ก็ให้ลูกดูดแบบบอดๆ ไป เกือบ 3 เดือน  แบบว่าหลอกลูกโดยเอาน้ำนมมาหยอดๆตอนลูกดูดข้างที่บอด  ให้เค้ามีกำลังใจดูดอะค่ะ)

ผู้แสดงความคิดเห็น แม่น้องเฟย (yeejeab-at-yahoo-dot-com)วันที่ตอบ 2009-01-15 15:00:02



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล