
เลี้ยงลูกด้วยนมแม่....เอง “เพราะแม่เป็นเด็กที่โตขึ้นมาโดยไม่ได้กินนมแม่แม้แต่หยดเดียว แม่จึงตั้งใจว่าถ้าแม่มีลูก แม่จะเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมของแม่....เอง”
นี่เป็นความตั้งใจของแม่ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว เพราะแม่ไม่ได้กินนมแม่ ดูเหมือนแม่จะมีสุขภาพแข็งแรงนะ แต่แม่มีอาการต่าง ๆ (ผื่นแพ้ผิวหนัง คัดจมูกโดยเฉพาะตอนก่อนนอน จามบ่อย ปวดหัว ปวดจมูก) ที่ทำให้เกิดความน่ารำคาญและเป็นอุปสรรคในการทำกิจกรรมประจำวันต่าง ๆ รวมถึงการนอนหลับพักผ่อน จากข้อมูลหลายอย่างที่อ่านผ่านหูผ่านตา แม่ลงความเห็นด้วยตัวของแม่เอง (โทษ) ว่า สาเหตุที่ทำให้แม่เป็นแบบนี้ ก็เพราะไม่ได้กินนมแม่นั่นเอง โตขึ้นมาได้ก็เพราะนมวัวเนี่ยแหละ แม่คอยรับฟังและให้กำลังใจเพื่อนของแม่ที่ท้องและมีลูกอ่อน แม่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จะมีปัญหาอะไรได้บ้าง มันต้องเป็นเรื่องง่าย ๆ สิน่า ไม่น่าจะเหลือบ่ากว่าแรงเท่าไหร่ แม่ ๆ เค้าก็เลี้ยงลูกด้วยนมแม่กันมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้วนี่ แม่ได้มีกาสคุยกับเพื่อน ๆ ของแม่ที่ท้องและมีลูกอ่อน เริ่มรู้สึกว่าการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่มันไม่ได้หมู ๆ อย่างที่คิดซะแล้ว แต่มันต้องไม่ยากเกินไปสิน่า ตอนนี้แม่เริ่มวางแผนว่าจะตั้งท้องแล้วแหละ คิดอยู่ในใจเหมือนกันว่า คราวเราก็คงขลุกขลักนิดหน่อยแบบนี้แหละ แต่ก็คงผ่านไปได้แหละน่า พอเริ่มตั้งท้อง หาคลาสลงเลยตามโรงพยาบาลเอกชนเปิดให้เข้าอบรมฟรีเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ หาหนังสืออ่าน (เยอะเหมือนกัน) อ่านข้อมูลตามอินเตอร์เน็ต แต่อ่านไปเรื่อย ๆ แหละ ไม่ได้จดจำอะไรเท่าไหร่ ให้ข้อมูลผ่านหูผ่านตามาก ๆ ไว้ก่อน เดี๋ยวค่อยแอ็พพลายเอา ด้วยคิดว่าตอนคลอดลูกเนี่ย ธรรมชาติจะสอนเราทั้งแม่ทั้งลูกเองว่าจะต้องทำไงบ้าง พอถึงวันนัดผ่าตัดคลอด ก็ติ๊กในแบบฟอร์มเลย ว่าชั้นนี่แหละจะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และโรงพยาบาลนี้ก็เป็นโรงพยาบาลที่สนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เพราะฉะนั้นทางโรงพยาบาลต้องจัดให้ตามที่ชั้นขอในแบบฟอร์ม จำได้ว่าวันนั้นยังรู้สึกมั่นใจมากว่าแม่จะสามารถผ่านการทดสอบการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ไปได้ดีอยู่แล้ว หลังผ่าคลอด น่าจะซัก 5-6 ชั่วโมงได้มั้ง พยาบาลก็เข็นลูกแฝดของแม่ทั้งสองคนมาแม่ (ท้องแรกแม่ก็มีลูกสองคนเลยนะ) แต่เพราะแม่ถูกบล็อกหลังผ่าตัดคลอด แม่ขยับช่วงล่างไม่ได้ พยาบาลก็จะอุ้มยายหนูของแม่ทีละคนมาอ้าปาก...อ้ำ....งับหัวนมแม่เข้าไป....แล้วก็ดูด..ดูด..ดูด แม่จำความรู้สึกตอนนั้นได้ว่า รู้สึกเจ็บเหมือนกัน แล้วก็รู้สึกแปลก ๆ แต่สุขใจนะ อันนี้อธิบายไม่ถูก ต้องถามพวกแม่ ๆ ที่ให้นมลูกครั้งแรก ไม่น่าจะแตกต่างกันเท่าไหร่นะ ตอนนั้นแม่เป็นหวัดด้วย แม่เลยต้องขอมาสค์กับพยาบาลไว้ใส่เวลาให้นมลูก เพราะแม่กลัวหนูได้รับเชื้อโรคหวัดจากแม่ไง แต่วันที่สอง พยาบาลที่เค้าอุ้มลูกมาดูดนมแม่เค้าก็เชียร์ให้หอมลูก แม่ก็กล้า ๆ กลัว ๆ แต่เห็นเค้าเชียร์ก็เลยหอมยายหนูของแม่ทั้งสองคน รู้มั้ย แม่ชื่นใจมาก ๆ เลย เพราะหนูเกิดมาน้ำหนักน้อย 2.1 กับ 2.4 กิโลกรัม แล้วก็น้ำตาลในเลือดต่ำ ตัวเหลือง ซึมด้วย คุณหมอเด็กก็เลยสั่งพยาบาลให้เสริมด้วยนมผงชง วันแรกหนูก็ได้กินนมวัวเลย พอวันที่สอง คุณหมอเด็กมาอธิบายให้แม่ฟังว่าถึงเหตุผลว่าทำไมต้องสั่งเพิ่มนมผง แม่มีโอกาสคุยกับคุณหมอว่าแม่เป็นภูมิแพ้ หนูก็ได้เปลี่ยนไปกินนมถั่วเหลืองแทน แต่เค้าป้อนด้วยแก้วนะ แต่ระหว่างอยู่โรงพยาบาล พยาบาลก็จะอุ้มมาทุกสามชั่วโมงตอนกลางวัน และทุกสี่ชั่วโมงตอนกลางคืน แม่แทบจะไม่ได้หลับได้นอนเลย การให้นมลูกแต่ละครั้งก็จะนานกว่าคนอื่นสองเท่า (วันที่สอง คุณหมอให้พยาบาลสอนแม่ให้นมลูกท่ารักบี้ แต่แม่ไม่ไหว เพราะต้องมีคนช่วยถึงจะทำท่านี้ได้ ตอนกลางวันพ่อต้องไปทำงาน ไม่มีใครอยู่ ส่วนพยาบาล พอจัดท่าเสร็จก็ออกไปห้องอื่นต่อ กว่าจะกลับมา ลูกแม่หล่นพอดี ก็เลยกลายเป็นว่าแม่ต้องให้นมยายหนูของแม่ทีละคน) หนูมาแต่ละครั้ง ก็ยอมดูดมั่ง ไม่ยอมดูดมั่ง ตอนหลังแม่ถึงย้อนกลับไปสงสัยว่า ไม่รู้พวกพยาบาลป้อนนมชงหนูมากไปจนอิ่มแปร้จนไม่ยอมดูดนมแม่แน่ ๆ เลย (โทษพยาบาลอีก) พอถึงวันที่สามน้ำนมแม่ก็ยังไม่มา ทำไงดีล่ะ กลุ้มใจมาก ๆ เลย นอนก็ไม่ได้นอน กินก็ไม่ลง แต่ก็พยายามกิน เหนื่อย เพลีย เครียด หัวนมแตกเป็นแผลอีก วันที่สี่ก็ไม่มีน้ำนมมา มาแค่ซึม ๆ เอง อ้อ ลืมบอกไป คุณพ่อเป็นกำลังใจให้แม่ตลอดเลยนะ เรากลับบ้านกันประมาณวันที่ห้าหลังจากหนูแฝดของแม่คลอดออกจากท้องแม่ พ่อกับแม่ดูหนูอยู่กันเองสองคนสองคืน ก็ให้ดูดเต้าแม่คนละ 15 นาที ตามด้วยป้อนนมชงด้วยแก้วอีก 10 ซีซี ทำแบบนี้มาสองคืน เราพบว่า ยายหนูของแม่ทั้งสองคนแทบไม่ได้หลับเลย เพราะหิวนั่นเอง พ่อลองเอาน้ำเปล่าให้หนูกิน หนูกินแบบหิวกระหายมานานมาก ๆ พ่อกับแม่คุยกันว่าเรากำลังทำผิดอยู่รึเปล่าเนี่ยที่เราปล่อยให้ลูกของเราหิวจนไม่ได้นอนแบบนี้ แล้วเราจะเลี้ยงลูกโตได้ไงถ้าลูกเราไม่ได้นอนเลย (ตรงนี้ พวกสนับสนุนนมแม่ที่ประสบความสำเร็จก็จะบอกว่าต้องใจแข็ง อดทน แต่...) พ่อกับแม่ทนไม่ได้ ก็เลยให้ลูกกินนมชงเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้หนูได้งีบซักหน่อยก็ยังดี ส่วนเรื่องน้ำนมแม่น่ะ เดี๋ยวมันก็มาเองแหละ (วันถัดมาเราก็โทรหาเซลส์ขายเครื่องปั๊มนมมาสาธิตแล้วก็สั่งซื้อแบบไฟฟ้าสองเต้าเลย ด้วยหวังว่าแม่จะมีสต๊อกมากมายไว้ให้หนูกินตอนที่แม่ต้องกลับไปทำงาน แถมว่าจะถอยตู้เย็นแช่ไอติมซะด้วย แต่เพื่อนแม่เบรกแม่ไว้ก่อน) ตอนนั้นหัวนมแม่แตก (ขนาดมากมายมหาศาล) เป็นแผลเหวอะด้วย เจ็บมาก ๆ สภาพเหมือนผิวหนังส่วนนอกสุดหลุดออกไป แล้วก็ทำท่าว่าจะติดเชื้อซะด้วย เพราะบริเวณรอบหัวนมจะเป็นสีแดง ร้อน ๆ ตำราบางเล่ม (คาดว่าเป็นตำราเก่า) บอกว่าให้พักจากการให้ลูกดูด (ซึ่งปัจจุบันบอกว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำในการให้นมแม่) แม่ก็เลยให้ลูกดูดตอนกลางวัน ส่วนกลางคืนให้โอกาสหัวนมได้พักซักหน่อย นี่คงเป็นอีกสาเหตุนึงที่ทำให้น้ำนมแม่มาไม่มากเท่าที่ควร เดือนแรกผ่านไป แม่สังเกตว่าแม่จะน้ำนมให้หนูเยอะ ๆ ตอนเช้าที่ตื่นนอนเท่านั้น แม่โทรปรึกษาศูนย์นมแม่ กลางวันหลังจากให้หนูดูดเต้าประมาณคนละ 15 นาที แล้วให้นมชงต่อ แล้วแม่ก็ปั๊มลมต่ออีก 10 นาที ทำอย่างนี้อยู่จนหนูอายุเดือนครึ่ง น้ำนมก็ยังไม่ได้มามากเท่าที่จะทำให้หนูอิ่มทั้งสองคน โทรไปถามศูนย์นมแม่อีก ก็บอกว่าทำแบบที่เค้าแนะนำแล้ว ถามไปถามมา ก็จบตรงที่ว่า คุณแม่ทานอาหารน้อยเกินไปรึเปล่าคะ เพราะแม่แทบกินไม่ได้เลย ตั้งแต่หลังคลอด ต้องฝืนกินมาตลอด คุณแม่พักผ่อนเพียงพอรึเปล่าค่ะ (ก็จะพอได้ไงล่ะ แม่เลี้ยงหนูเองนะ มีเด็กช่วยคนนึงซึ่งก็ไม่ใช่ญาติ ไม่ได้รู้จักมักจี่มาก่อน ก็จ้างมาจากศูนย์ฯนั่นแหละ วันนึงเนี่ยแทบจะนอนนับชั่วโมงได้เลย) แล้วก็จบตรงที่ว่า “เป็นเพราะคุณแม่เครียด ก็เลยทำให้มีน้ำนมน้อย” แม่จำได้ว่าแม่เคยโทรไปถามเค้าประมาณสามครั้ง ครั้งที่สามเนี่ยเค้าทำเสียงเบื่อหน่ายมากว่าแม่จะต้องทำอะไรผิดสูตรผิดขั้นตอนไปแน่ ๆ เลย น้ำนมถึงยังไม่มาซักที แม่รู้สึกนะว่า คุณพยาบาลที่รับสายคอยตอบคำถามเนี่ย ถามจริง ๆ เหอะ กี่คนกันที่มีลูกกันแล้ว ส่วนคนที่มีแล้วเนี่ยให้นมแม่สำเร็จมารึเปล่า จากการเจรจา แม้ว่าเค้าตอบคำถามด้วยความยินดี แต่จากคำตอบ แม่ก็รู้สึกอยู่ดีแหละว่าเค้าไม่ได้เข้าใจเราจริง ๆ แม่เริ่มหาสิ่งอื่นทำเพิ่มขึ้นเพื่อให้มีน้ำนมมากขึ้น กิน Motillium กินลูกซัด กินยาประสระน้ำนม รู้สึกว่าได้ผลเหมือนกันนะ แต่...น้ำนมแม่ก็ไม่ได้มากขึ้นจนขนาดทำให้หนูอิ่มอยู่ดี รู้สึกว่าตอนนั้นหนูอายุสองเดือนกว่า ๆ แล้ว อีกไม่ถึงเดือนแม่ก็ต้องกลับไปทำงานแล้ว สต๊อกนมก็ไม่มี ลูกเราต้องกินนมผงจริง ๆ เหรอเนี่ย พ่อเค้าสงสารแม่มาก เพราะเค้าเห็นตลอดว่าแม่ทำอะไรบ้าง แล้วมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ที่สำคัญ พ่อเค้าคอยเป็นกำลังใจให้แม่ตลอดเลยนะ แม่ปรึกษากับพ่อ พ่อบอกว่าถ้ายังเป็นอย่างนี้ต่อไป เราให้ลูกกินนมผงก็ได้นะ แต่เราก็ตกลงกันว่า แม่จะพยายามให้นมหนูด้วยสองเต้าของแม่นี่แหละให้มากที่สุดระหว่างที่ไม่ยังลาคลอด ถ้าแม่ต้องกลับไปทำงานก็ค่อยว่ากันใหม่ พอตอนแม่กลับไปทำงานจริง ๆ พ่อกับแม่ต้องรับหนูกับพี่เลี้ยงไปไว้บ้านคุณย่าตอนเช้า แล้วไปรับตอนเย็น เดือนแรกที่ต้องไป ๆ มา ๆ บ้านคุณย่าเนี่ย หนูป่วยต้องไปหาหมอถึงสามครั้ง ท้องเสีย เป็นหวัด ไข้ขึ้นสูง พ่อคุยกับแม่ว่า หรือแม่จะต้องออกมาเลี้ยงลูกเองซะแล้ว แต่ญาติ ๆ พ่อไม่เห็นด้วย ทำให้แม่ตัดสินใจว่ายังไง ๆ แม่จะให้ลูกกินนมแม่ให้ได้มากที่สุด แม่ก็หิ้วเครื่องปั๊มคู่ชีพน้ำหนักประมาณสองกิโลกรัมเนี่ยไปกลับในวันทำงาน แม่ปั๊มนมที่ทำงานวันละสามครั้ง กลับบ้านแม่ลุกขึ้นมาปั๊มตอนกลางคืนอีกทุก 3-4 ชั่วโมง วันแรก ๆ ได้นมกลับมาให้หนูประมาณ 2-3 ออนซ์เอง ต่อมามันก็ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเป็น 5-6 ออนซ์ แล้วก็เฉลี่ยประมาณ 7-8 ออนซ์ เอาเป็นว่าแม่ปั๊มหนึ่งวันทำงานได้น้ำนมกลับมาให้หนูสองคนกินได้ประมาณหนึ่งมื้อ (แม่เคยได้สูงสุดประมาณวันละ 13-14 ออนซ์ แต่ได้อยู่แค่ประมาณสองสัปดาห์เอง อย่าคุยเลย) แม่จำได้ว่าแม่เลิกปั๊มกลางคืนหลังจากกลับมาทำงานได้ประมาณ 3-4 เดือน เพราะแม่ไม่ไหวแล้วจ้า ตอนนี้ยายหนูของแม่ทั้งสองคนอายุหนึ่งปีครึ่งแล้วนะลูก (แม่ว่าหนูทั้งสองคนมีพัฒนาการค่อนข้างเร็วนะ อาจจะเป็นเพราะคู่แฝดจะมีคู่แข่งรึเปล่า) ทุกวันนี้หนูก็ยังได้กินนมปั๊มกับนมเต้าอยู่นะจ๊ะ น้ำนมแม่น้อยลงเรื่อย ๆ แล้วแหละ เพราะหนูโตขึ้นมาก แล้วแม่ก็ลดการปั๊มลงด้วย (จริง ๆ แม่คิดว่าแม่จะเลิกปั๊มตอนหนูอายุขวบครึ่งเนี่ยแหละ ถ้าไม่บังเอิญหนูติดไข้หวัดจากพี่เลี้ยงมักง่าย) สิ่งหนึ่งที่แม่อยากบอกกับหนูทั้งสองคน “แม่ไม่ได้รักหนูทั้งสองคนน้อยกว่าแม่ที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ล้วนเลยนะลูก” ........................................................................................................................................................... เนื่องจากบทความเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ที่เผยแพร่ในสื่อต่างๆ ส่วนใหญ่ (เกือบทั้งหมด) เป็นบทความที่แสดงถึงความสำเร็จในการให้นมแม่แก่ลูกน้อย โดยแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จส่วนใหญ่ที่มากเกินร้อยของแม่ ๆ เหล่านั้น มีน้ำนมแม่เก็บจนล้นสต๊อก มีน้ำนมแม่เหลือเฟือที่จะบริจาค ก็เลยอยากให้บทความนี้แสดงให้เห็นการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในอีกด้านที่มีความสำเร็จไม่ถึงร้อย แต่น่าจะเป็นกำลังใจให้แม่ ๆ ที่มีความสำเร็จไม่ถึงร้อยท่านอื่น ๆ ได้เหมือนกัน แม่น้องแฝด ต้องการแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรอกแบบฟอร์มล่างสุดค่ะ |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (19851) | |
เราก็เป็นคุณแม่ที่ไม่ได้กินนมแม่เหมือนกัน (เพราะสัก 50 ปีก่อน แม่เราว่า ใครๆ ก็ต้องซื้อนมผงให้ลูกกินกันทั้งนั้น ระบุ ยี่ห้อนั้น ยี่ห้อนี้กันเลย ) แต่ตัวเราก็เห็นด้วยอย่างยิ่งว่านมแม่ต้องเป็นอาหารเหมาะสมที่สุดสำหรับลูก ตั้งใจตั้งแต่ลูกคนแรกก็ทำได้สำเร็จนมแม่อย่างเดือน 6 เดือน และให้อีกนานกว่า 2 ปี พอลูกคนที่สองก็สบายๆ เลย แม่น้องแฝอเก่งมากเลย ท้องแรกเป็นลูกแฝดด้วยคะ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น แม่เป้ (meen-dot-123-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2009-02-10 08:16:13 |
ความคิดเห็นที่ 2 (19978) | |
ใช่ค่ะ แม่เป้ สงสัยเรา ๆ จะเป็นคนรุ่นเก่า ๆ หรือโบราณ ๆ หน่อย ในยุคที่การสื่อสารยังไม่ดี่เท่าที่ควร พ่อแม่ของเราก็เลยโดนกับดักทางการตลาดทำให้เราถูกเล่นงานด้วยนมวัวกันเป็นแถว ๆ เห็นด้วยค่ะว่านมแม่ต้องเป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับลูกสิน่า แม้เป้เนี่ยท้องแรกก็สำเร็จสวยงามแล้ว เก่งค่ะ จากใจจริง | |
ผู้แสดงความคิดเห็น แม่น้องแฝด (thewinwin-at-gmail-dot-com)วันที่ตอบ 2009-02-10 13:50:16 |
ความคิดเห็นที่ 3 (20268) | |
อ่านแล้วมันเศร้าๆนะคะ แต่มันก็เป็นเรื่องที่สวยงามมากด้วย | |
ผู้แสดงความคิดเห็น แม่จู๊ด (connectwaew-at-gmail-dot-com)วันที่ตอบ 2009-02-11 02:38:54 |
ความคิดเห็นที่ 4 (20269) | |
ลืมขอบคุณที่เขียนมาเล่าให้ฟังเลยค่ะ อ่านแล้วรู้สึกเหมือนมีเพื่อน มีคนเข้าใจ ขอบคุณมากๆค่ะ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น แม่จู๊ดค่ะ วันที่ตอบ 2009-02-11 02:40:45 |
ความคิดเห็นที่ 5 (20383) | |
ขอบคุณแม่น้องจู๊ดด้วยเหมือนกันค่ะ อย่างน้อยก็รู้สึกว่าเรามีเพื่อนที่เคยมีความรู้สึกเหมือน ๆ กันเพิ่มขึ้นคนนึง เห็นด้วยค่ะว่าเรายังมีสิ่งดี ๆ อย่างอื่นที่รอให้เค้าอีกเยอะแยะ กว่าเค้าจะโต เคยมีเพื่อนแม่ลูกอ่อนในออฟฟิศเค้าก็บอกเราแบบนี้เหมือนกันค่ะ ขอบคุณค่ะ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น แม่น้องแฝด (thewinwin-at-gmail-dot-com)วันที่ตอบ 2009-02-11 09:58:54 |
ความคิดเห็นที่ 6 (20438) | |
เหมือนกันเลยค่ะ เก่งมากเลยค่ะ แม่น้องแฝด เราเองลูกคนเดียวยังแทบ เอาตัวไม่รอด กินนมแม่เป็นยาละกัน แต่ก็แอบภูมิใจเล็กๆนะคะ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น แม่น้องเอ้ก (jip_jpb-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2009-02-11 15:09:55 |
ความคิดเห็นที่ 7 (20638) | |
ขอบคุณแม่น้องเอ้กค่ะ ฮิ ฮิ อยากบอกว่า ตอนที่ปั๊มนมแรก ๆ ได้น้ำนมน้อยมาก ๆ น้อยมากขนาดต้องเทจากขวดปั๊มใส่ช้อนกาแฟป้อนลูกน่ะ ตอนนั้นก็ยังคุย ๆ กับคุณสามีเหมือนกันว่า ให้ลูกกินนมแม่เป็นเหมือนกินยาเลยเนอะ ตอนนี้เลยมาเจอแม่น้องเอ้กที่คิดเหมือนกัน ตอนนี้โอเคค่ะ พอนึกย้อนกลับไปตอนนั้น ก็ตลก ๆ ดีเหมือนกัน
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น แม่น้องแฝด (thewinwin-at-gmail-dot-com)วันที่ตอบ 2009-02-12 10:58:32 |
ความคิดเห็นที่ 8 (21934) | |
เราก็ไม่ได้กินนมแม่เพราะตอนคลอดเราแม่ไม่สบายเราเลยอยากให้ลูกเราได้กินนมแม่ได้รับความรักความอบอุ่นจากอกเราเวลากินนมเราเป็นพยาบาลต้องเข้าเวรกลางคืนบ่อยๆพักผ่อนน้อยน้ำนมไม่ค่อยมีมากแต่เราก็พยามให้ลูกกินนมแม่ให้มากที่สุด มาทำงานส่วนมากจะมีเวลาบีบนมแค่ครั้งเดียวแถมที่ทำงานยังทำเหมือนการที่เราบีบนมเป็นเรื่องแปลก(เราเป็นคนแรกที่บีบบนมในที่ทำงาน)เราพยายามไม่สนใจอะไรทั้งนั้นนอกจากพยายามทำให้ลูกได้กินนมแม่นานที่สุดซึ่งตอนนี้ลูกแปดเดือนครึ่งยังกินนมแม่คู่กับนมผสม(นมผสมขนาด400กรัม 2 กระป่องต่อเดือน)เค้าแข็งแรงดีมากอ้วนจ้ำม่ำ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น แม่เอินเอิน (napara09-at-gmail-dot-com)วันที่ตอบ 2009-02-15 05:05:01 |
ความคิดเห็นที่ 9 (22043) | |
อ่านแล้วรู้สึกดีมากเลยนะค่ะ ดิฉันก็เป็นคนหนึ่งที่มีปัญหาเรื่องการให้นมแม่ แต่ก็ตั้งใจแล้วว่ายังไงก็ต้องให้นมแม่ให้ได้ ทุกวันนี้ปั๊มนมให้น้องไออุ่นน้องกินนมแม่อย่างเดียวเพราะน้องไออุ่นดูดนมไม่เก่งไม่กระตุ้นน้ำนมจนนมแห้งเลย ตัดสินใจซื้อเครื่องปั๊มน้อง อายุได้ 5 เดือนกว่าแล้วค่ะ มีสต็อกตำนมประมาณ 2000 กว่าออนซ์ ฝากไว้ที่ห้องเย็น ดิฉันคิดว่าการที่คุณแม่จะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญมาก สามีดิฉันก็คอยเป็นกำลังใจให้ยิ่งตอนที่นมคัดเป็นก้อน ๆ ทรมานมาก ๆ เลย เป็นกำลังใจให้น่ะค่ะ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น แม่น้องไออุ่น (marika_aye-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2009-02-15 10:31:09 |
ความคิดเห็นที่ 10 (22403) | |
คลีนิคนมแม่ศิริราชไม่รู้มีไว้ทำอะไรช่วยอะไรไม่ได้เลย ดิฉันก็เคยโทรไปปรึกษาเหมือนกัน เค้าตอบว่าตอนนี้เคสเยอะยังไม่ว่างคุยด้วย แล้วก็หลอกให้ดิฉันโทรมาใหม่หลัง4โมงเย็น พอโทรไปปรากฎว่าไม่มีใครอยู่แล้วค่ะ กรรมจริงๆ ในที่สุดตนเป็นที่พึ่งแห่งตนจริงๆ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น แม่น้องแป้ง (t_sivakarn-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2009-02-16 03:35:41 |
ความคิดเห็นที่ 11 (22660) | |
เห็นด้วยค่ะคุณแม่น้องแป้ง ตอนที่เราน้ำนมน้อยนะ เค้าก็จะบอกว่านมยังเยอะอยู่นี่ค่ะ เข้าใจว่าพยาบาลมีน้อยเลยไม่มีเวลามาตอบคำถาม โทร.ไปกี่ครั้ง กี่ครั้งก็ตอบแต่คำตอบเดิม ๆ อ่ะ สุดท้ายก็ต้องหาอ่านจากเวปไซด์เอาเองอะคะ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น แม่เนเน่ วันที่ตอบ 2009-02-16 16:46:28 |
ความคิดเห็นที่ 12 (23513) | |
เคยแวะไปถามอยู่เหมือนกัน พยาบาลบอกว่าต้องให้เราไปลงทะเบียนเป็นคนไข้ของศิริราชก่อน แล้วหาหมอเด็ก แล้วให้หมอเด็กที่เราหาส่งตัวเรากับลูกไปคลีนิคนมแม่ เราไม่คิดว่ามันจะยุ่งยากมากขนาดนี้ เราก็เลยกลับน่ะ หาทางช่วยตัวเองดีกว่า เราว่าจริง ๆ เค้าคงอยากช่วยแหละ แต่เห็นด้วยกับแม่น้องแป้งกับแม่เนเน่ ว่าเค้าน่าจะมีเคสเยอะมากอยู่แหละ ก็เลยอาจจะบริการไม่ทั่วถึง บังเอิญเราเข้าไปจังหวะที่ไม่ค่อยดีน่ะ ก็เลยไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น แม่เหมือนกัน วันที่ตอบ 2009-02-18 09:49:31 |
ความคิดเห็นที่ 13 (34873) | |
ตอนที่มีลูกคนแรก เคยคิดว่า ใคร ๆ ก็เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ เราเองก็น่าจะทำได้ หาหนังสือมาอ่านเตรียมไว้แล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่สำเร็จ พยายามจนท้อ ดีใจที่ได้เห็นบทความนี้ เพราะไปอ่านที่ไหน ๆ ก็เจอแต่แม่ทีป่ระสบความสำเร็จในการให้นมแม่ จนทำให้เรารู้สึกว่า เราเป็นแม่ที่แย่ โทรไปที่ศิริราชก็เจอเหมือนแม่น้องแป้ง เขาบอกว่า คนไข้เยอะ เขาไม่มีเวลามาฟังเรา ^^" ครั้งนี้ท้องสองแล้ว หาข้อมูลเพิ่มเติมเยอะกว่าเดิมมาก จะพยายามอีกครั้ง และอยากทำให้สำเร็จให้ได้ เพราะตัวเองก็เป็นภูมิแพ้ ลูกสาวคนโต ตอนนี้ 4 ขวบแล้ว ก็เป็นภูมิแพ้เหมือนแม่เลย เห็นลูกป่วยบ่อย ๆ แล้วก็สงสารค่ะ
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น แม่ตังเม วันที่ตอบ 2009-03-12 11:55:05 |
ความคิดเห็นที่ 14 (48861) | |
ในฐานะพ่อทุกคน ขอบคุณภรรยาที่อดทนสำหรับการให้สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูกที่พ่อไม่สามารถทำให้ได้ ตอนที่ได้เห็นภรรยามีความพยายามในการให้นมแม่ ไม่ว่าจะให้จากเต้า หรือการต้องปั๊มนม สรรหาความรู้จากทุกสื่อ ขนขวายบรรดาอาหารหรือยาที่จะทำให้น้ำนมมากขึ้น ทำให้อดสงสารไม่ได้ แต่ก็นี่แหละเป็นสิ่งที่บอกว่าแม่รักลูกมากแค่ไหน ขอบคุณจริงๆกับความยากลำบากตั้งแต่ตอนตั้งท้องจนถึงคลอดและการให้นมแก่ลูก อยากจะบอกว่าพ่อและลูกรักแม่มากที่สุด ปล.ขอโทษนะที่เห็นบทความนี้ช้าไปหน่อย
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น พ่อน้องแฝด วันที่ตอบ 2009-03-31 12:44:54 |
ความคิดเห็นที่ 15 (103999) | |
ถ้าน้องแฝดโตขึ้นได้อ่านสิ่งที่คุณแม่เขียน น้องต้องรักพ่อกับแม่มากมายเลยค่ะ ต้องภูมิใจที่ได้เกิดมาเป็นลูกของคุณ ขนาดดิฉันเองอ่านแล้วยังซึ้งและประทับใจเลยค่ะ ดิฉันเองก็มีปัญหาน้ำนมมาน้อยเหมือนกัน ตอนนี้น้องแอนโทนี่เกือบจะ1 เดือนแล้ว น้องทานจุมาก บวกกับดิฉันนมน้อยก้เลยจำเป็นต้องให้นมผสมควบคู่กับนมแม่ เพราะตอนหลังผ่าคลอด 2 วันแรกให้น้องทานแต่นมแม่ นมก็ไม่มีเลยสงสารน้อง เพราะน้องดูดแล้วไม่มีน้ำนมน้องก็จะร้องไห้ไปเพราะหิว จนทนไม่ไหวเลยบอกเนิร์สเซอรี่ว่าให้นมผสมน้องนิดหน่อยด้วยเพื่อไม่ให้น้องหิว แต่ก็ยังตั้งใจให้น้องทานนมแม่ แล้วให้น้องมาดูดกระตุ้นทุก2-3 ชั่วโมง ซึ่งยังไม่มา จนวันที่ 4 เริ่มมีแบบซึมนิดๆ พอวันที่จะออกจากโรงพยาบาล น้องก็ร้องไห้ขณะอยู่ในลิฟท์เพราะความหิว ด้วยความที่น้องทานจุ เนิร์สเซอรี่จึงเตรียมนมผสมที่ชงมาให้เรียบร้องแล้ว 4 ออนซ์ ก็เลยเอานมผสมนั้นให้น้องทาน ไม่เคยคิดว่าลูกจะหิวขนาดนี้ คือทานอึกๆ ๆ ๆ แบบหายใจไม่ทัน พยาบาลเนิร์สเซอรี่ที่ตามมาส่ง สังเกตุหน้าของน้องดำ ตอนนั้นตกใจมากกลัวจริงๆ ดีที่ยังอยู่ที่โรงพยาบาลและมีเนิร์สเซอรี่คอยช่วย นี่ก็เป็นประสบการณ์หนึ่งที่อยากจะบอกให้เป็นอุทาหรณืค่ะ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น แม่น้องแอนโทนี่ วันที่ตอบ 2009-07-18 14:22:39 |
ความคิดเห็นที่ 16 (105781) | |
ผมคิดว่า คุณแม่ทำได้ดีที่สุดแล้ว เยี่ยมยอดเลยครับ แม้ดูเหมือนว่าจะัได้น้ำนมไม่ได้ดั่งใจ แต่ผมคิดว่านี่คือ "เลือดในอกผสม" ของคุณแม่ที่น่าภาคภูมใจที่สุดแล้ว สิ่งที่คุณแม่ทำนั่นแหละคือ "ชัยชนะ" ที่คุณแม่ควรภูมิใจ สัมผัสแห่งรัก ความทุ่มแทพยายาม หัวใจที่สู้ไม่ทอย แม้ความเจ็บปวดจะรออยู่ตรงหน้าแต่คุณแม่ก็พร้อมยอมลุยเพื่อลูกรัก เหล่านี้แหละคือ "น้ำนมแห่งชีวิต" ที่คุณแม่ได้ให้แก่เขาทั้งสอง ผมเชื่อว่าเขาจะภาคภูมิใจ พอใจ ดีใจ มากกว่าที่ได้กินนมอิ่มๆ แต่ไม่ได้มาจากความรัก ความทุ่มเท ความตั้งใจ และสัมผัสแห่งรักที่มีให้กับเขา ผมเชื่อว่าเขาสัมผัสได้ถึงสิ่งเหล่านี้ ขอให้ความรักที่คุณพ่อคุณแม่มีให้กับเขาจะยั่งยืนตลอดไป ไม่ว่าเขาจะได้ดั่งใจหรือไม่ก็ตาม เพราะ "ความรักลบล้างความผิดได้" | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ไธรฌี คุณพ่อลูกแฝด (thaithai889-at-gmail-dot-com)วันที่ตอบ 2009-10-05 07:37:55 |
ความคิดเห็นที่ 17 (150071) | |
เราก็เลี้ยงลูกด้วยนมแม่เหมือนกัน ผ่าตัดคลอด และมีปัญหาท่อน้ำนมอุดตัน น้ำนมมี แต่บีบไม่ออก ปวดทรมานมาก ต้องบีบ นวด เค้น ปั้ม ทั้งมือตัวเอง มือพยาบาล และเครื่องช่วยปั้ม ทำทุกวิถีทาง ปวดนมจนนอนไม่ได้ ไข้ขึ้น ความดันสูงเกือบสองร้อยอยู่หลายวัน นมทั้งสองเต้าระบมและหัวนมอักเสบแสบร้อนจนไม่สามารถติดกระดุมเสื้อได้ บีบนมอยู่เป็นชั่วโมง ได้น้ำนมมาแค่ 10 cc บางครั้งมีเลือดปนออกมาด้วย แต่ก็ต้องเอาให้ลูกกิน(พยาบาลพาลูกมาให้ดูดนมแม่เหมือนกัน แต่น้ำนมไม่ออกมา)พอเข้าวันที่สามที่สี่ น้ำนมเพิ่มมาเป็น 20 ccดีใจมาก อยู่โรงพยาบาล 7วัน วันสุดท้ายก่อนออกโรงพยาบาลสามารถบีบนมให้ลูกกินได้ถึง 60cc ถือเป็นความภูมิใจสุดๆ แต่พอกลับมาที่บ้าน น้ำนมก็เริ่มน้อยลง อาจเป็นเพราะเหนื่อยจากการเลี้ยงลูกเอง กินอาหารครบ 5 หมู่แต่ปริมาณไม่เพียงพอในการสร้างน้ำนม ท้อเหมือนกัน และเหนื่อยมาก สภาพร่างกายดูโทรมไปเลย จนพ่อกับแม่รวมทั้งสามีเห็นคงอดสงสารเราไม่ได้ ขอร้องให้เราหยุดให้และใช้นมผงแทนเถอะ แต่ว่าด้วยความตั้งใจอย่างแน่วแน่ คิดว่านี่คือสิ่งสำคัญที่สุดที่จะให้กับลูกได้ คือการมีสุขภาพที่แข็งแรง ไม่มีโรคภัย จึงพยายามค้นหาว่ามีอะไรที่จะทำให้เพิ่มน้ำนมได้บ้าง โชคดีได้กินชาที่ทำจากสารสกัดจากธรรมชาติ ที่คนเค้าแนะนำให้ดื่ม และท่อน้ำนมไม่อุดตันแล้ว ทำให้มีปริมาณน้ำนมเพิ่มมากขึ้น ปัจจุบันหลังจากให้นมลูกมาได้6เดือนกว่า น้ำนมก็เพิ่มมากขึ้นจนไหลออกมาเองเมื่อถึงเวลาที่ลูกเริ่มหิว เหมือนเป็นสัญชาตญาณระหว่างแม่กับลูก ขอชมเชยในความตั้งใจ ทุ่มเท และพยายามของคุณแม่น้องแฝดค่ะ เลี้ยงลูกแฝดไม่ง่ายเลย แถมยังให้ลูกกินนมแม่ด้วย ความเหนื่อยนี้เข้าใจดีเลยค่ะ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น แม่น้องecho วันที่ตอบ 2011-08-27 03:08:41 |
ความคิดเห็นที่ 18 (150270) | |
เราเองก็มีปัญหาเรื่องน้ำนมน้อยค่ะ ร้องไห้และท้อใจอยู่หลายหน คนรอบข้างก็บอกว่าให้เลิกเถอะ ให้ลูกกินนมผงอย่างเดียวก็ไม่เป็นไร แต่วันนึงเราไปอ่านเจอบทความบอกว่านมเพียงหนึ่งช้อนชาก็มีประโยชน์กับลูกเพราะลูกจะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันต่อจากนมเราได้ก็เลยฮึดสู้อีกครั้งค่ะ ปั๊มวันนึงได้ประมาณ 6 Oz เองเพราะไม่ค่อยมีเวลาเนื่องจากกลับมาทำงานแล้ว แต่จนตอนนี้น้องวินได้ 5 เดือนกว่าแล้วก็ยังให้อยู่ อย่างน้อยได้น้อยก็ขอให้ได้นานค่ะ น้องวินแข็งแรงมาก รู้สึกดีใจมากค่ะ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น แม่น้องวิน วันที่ตอบ 2011-09-23 13:33:59 |
ความคิดเห็นที่ 19 (152602) | |
อ่านแล้วรู้สึกดีมากเลยคะ เจอเพื่อนแล้ว เราก็เป็นคนนึงที่ยังไม่ประสพความสำเร็จในการให้นมแม่ น้องไม่ดูดนมแม่ร้องไห้ คนอื่นก็ไม่สนับสนุน จะให้ทานนมผงท่าเดียว แต่เราตั้งใจเต็มที่ที่จะให้น้องทาน ไม่ได้จากเต้า ปั๊มก็ยังดี ทำทุกอย่างเหมือนกันคะ แต่ก็อาจจะเพราะเราเครียด เรากินน้อย นอนน้อย ก็ทำให้มีนมน้อย เคยปั้มได้เต็มที่ 2 เต้า 6 oz. ตอนนี้น้องพศิน อายุ 3 เดือนแล้ว ก็ยังต้องนมผงผสมกันไป เอามาปั้มที่ออฟฟิศด้วย แต่เราก็มีความหวังทุกวันว่าน้ำนมจะมีมากขึ้น ยังจะทำต่อไปค่ะ สู้ๆๆๆ นะคะ คุณแม่ๆๆ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น แม่น้องพศิน วันที่ตอบ 2013-01-10 11:27:52 |
[1] |