ReadyPlanet.com
ardo calypso
dot
เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ : ข้อควรปฎิบัติ
dot
bulletการเริ่มต้นชีวิตที่ดีที่สุดสำหรับทารก 1
bulletการเริ่มต้นชีวิตที่ดีที่สุดสำหรับทารก 2
bulletวิธีเลือกกุมารแพทย์ให้ลูก
bulletก่อนคลอด
bulletสิ่งที่ต้องทำเมื่ออยู่ ร.พ.
bulletหลังคลอด
bulletท่าในการให้นม
bulletBreast Crawl
bulletความคาดหวังของลูกน้อย
bulletบันทึกการให้นมลูก
bulletวิธีให้นมเสริมอย่างถูกต้อง
bulletสัมผัสรักระหว่างแม่ลูก
bulletโรงพยาบาลสนับสนุนนมแม่
bulletแบบสอบถาม
dot
ปัญหาเรื่อง นมแม่
dot
bulletวิธีแก้ปัญหานมไม่พอ
bullet"นมแม่" ถ้าเข้าใจ ยังไงก็พอ
bulletนมพอหรือไม่
bulletเมื่อลูกไม่ดูดนมแม่ (new)
bulletอาหารเพิ่มน้ำนม
bulletวิธีเพิ่มน้ำนมด้วยการปั๊มนม
bulletWorkshop เพิ่มน้ำนม (new)
bulletยาประสระน้ำนม
bulletDomperidone (Motilium)
bulletยาเพิ่มน้ำนม Motilium
bulletคำเตือนสำหรับการใช้ยา Domperidone
bulletน้ำหนักตัวเพิ่มช้า
bulletน้ำหนักตัวน้อย
bulletเจ็บหน้าอก หัวนมแตก
bulletการบีบหน้าอก ช่วยลูกดูดนม
bulletลูกแพ้นมแม่หรือเปล่า
bulletตัวเหลือง
bulletสารพันปัญหา
บริจาคนมแม่
dot
เมื่อแม่ต้องไปทำงาน
dot
bullet20 เคล็ดลับสำหรับแม่ทำงาน
bulletมาทำ stock น้ำนม กันเถอะ
bulletวิธีให้ลูกยอมดูดนมแม่จากขวด
bulletจะให้ลูกกินอะไรเมื่อแม่ไปทำงาน
bulletวิธีเก็บรักษานมแม่
bulletต้องเตรียมปั๊มนมไว้ให้ลูกแค่ไหนถึงจะพอดี ?
bulletโปรแกรมคำนวณนมแม่
bulletยาคุมกำเนิด
dot
คุณแม่นักปั๊ม
dot
bulletการปั๊มนมโดยใช้เครื่องปั๊มนม
bulletปั๊มนมอย่างไรให้พอ หากลูกไม่ดูดจากเต้า
bulletข้อคิดก่อนซื้อ ที่ปั๊มนม
bulletเพิ่มน้ำนมภายใน 14 วันแรก
bulletเครื่องปั๊มนมยี่ห้อไหนดี
bulletซื้อเครื่องปั๊มที่ไหนดี
bulletปั๊มไฟฟ้า รุ่นไหนดี
bulletเรื่องของคุณแม่นักปั๊ม
bulletถุงเก็บน้ำนมแม่
dot
กลเม็ดเคล็ดลับ
dot
bulletวิธีบีบน้ำนมด้วยมือ (new)
bulletบีบด้วยมือ vs ปั๊มด้วยเครื่อง
bullet10 เคล็ดลับเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ให้ครบปี
bulletนอนให้นม...สบายมากๆ เลย
bulletอุปกรณ์เสริม ช่วยแม่ให้นมลูก
bulletมุมให้นมแม่
bulletวิธีพาสเจอร์ไรซ์นมแม่
dot
ปัญหาที่พบไม่บ่อย
dot
bulletลิ้นติด (Tongue Tie)
bulletเลี้ยงลูกแฝดด้วยนมแม่
bulletต้องการถามปัญหาอื่นๆ
bulletทำไมทารกร้องไห้โยเย
dot
หนังสือแนะนำ
dot
bulletขอรับหนังสือนมแม่ฟรี
bulletการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
bulletสร้างชีวิตมหัศจรรย์ด้วยน้ำนมแม่
bulletนมแม่ ทุนสมองของลูกรัก
bullet เคล็ดลับ...แม่มือใหม่ "นมแม่"
bulletเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
bulletพัฒนาสมองด้วยนมแม่...
bulletGuide to Breastfeeding
dot
แหล่งข้อมูลความรู้เรื่องนมแม่
dot
bulletคลินิกนมแม่ทั่วประเทศ
bulletนมแม่ แน่ที่สุด
bulletศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย
bulletคลีนิครัก
bulletศริริราชออนไลน์
bulletสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติ
bulletwww.breastfeeding.com
bulletPromom
bulletรักลูก
bulletLa Leche League
bullet4woman
bulletMother & Child Health
bulletWABA
bulletBreastfeedingonline
bulletDr. Sears
bulletbreastfeedingbasics
bulletwebboard
bulletkellymom
bulletDr. Jack Newman
bulletInfact
bulletgotbreastpump
bulletNew Beginnings
bulletโครงการสายใยรัก
bulletศูนย์ข้อมูล สสส
bulletUNICEF
bulletbreastfeedingmadesimple
bullethm4hb
bulletLactation Narration
bulletNormalFed
dot
Brainfeeding
dot
bulletเก็บมาฝาก
bulletIf we don't care, who will?
bullet๖๐ เรื่องน่ารู้ ในหลวงของเรา
bulletสัมภาษณ์ ดร. อาจอง ชุมสาย ฯ
bulletคนดีของพ่อ
bulletเรื่องที่ไม่มีใครอยากให้รู้
bulletคุยกับประภาส
dot
Sponsor Link
dot
bulletbfdcenter
bulletร้านนมแม่
bulletศูนย์รวมฟิล์มทุกชนิด
bulletV-Kool
bulletSuvarnabhumi Airport Hostel
bulletBussaba Bangkok Boutique Hotel Suvarnabhumi Airport
bulletbeing-mom
bulletมีลูกยาก
bulletSite Map
ปั๊มไฟฟ้า รุ่นไหนดี whisper
unimom allegro
ardo calypso
Ardo Carum
bulletนมแม่


ร้านนมแม่-เครื่องปั๊มนม


สายใยจากอกแม่ รักแท้..แก้ตาบอด

14 กุมภาพันธ์ เป็นวันวาเลนไทน์ทั่วโลก อุปโลกน์ให้วันนี้เป็น “วันแห่งความรัก” หลายที่จึงเต็มไปด้วยดอกกุหลาบ รูปหัวใจ และช็อกโกแลตแต่จริงๆแล้ว วาเลนไทน์ เป็นชื่อของนักบุญองค์หนึ่ง... นักบุญที่ทำให้   จักรพรรดิที่โรมเกิดความสำนึก   และผู้พิพากษาซึ่งเคยเยาะเย้ยท่านในเรื่องที่คริสตังชอบกล่าวว่า   “พระคริสต์ทรงเป็นองค์ความสว่างของโลก”   ได้กลับใจมาเป็นคาทอลิก   เพราะทำให้บุตรสาวของเขาหายจากตาบอด

วาเลนไทน์จึงเป็นแบบอย่างและกำลังใจในเรื่องของความเชื่อ และความรักที่มีต่อเพื่อนมนุษย์ โดยเฉพาะความรักที่บริสุทธิ์ปราศจากเงื่อนไขใดๆ เช่น ความรัก ที่แม่มีต่อลูก และก็น่าแปลกที่เรื่องราวของอาการตาบอดกับเรื่องราวของความรักถูกจับมาโยงใยเข้าหากันในพ.ศ.นี้อย่างไม่น่าเชื่อ 

เมื่อล่าสุดแพทย์ค้นพบว่าสายใยรักจาก “อกแม่” หรือ “น้ำนม” มีสารอาหารชนิดหนึ่ง ที่ช่วยลดความเสี่ยงจากอาการตาบอดของทารกและเด็กเล็กๆ

“ลูทีน” คือ สารที่ว่านั้น 

รศ.นพ. สรายุทธ สุภาพรรณชาติ กุมารแพทย์จากชมรมเวชศาสตร์ ทารกแรกเกิดแห่งประเทศไทย เปิดเผยเรื่องราวนี้ ในงานประชุมวิชาการของชมรมเวชศาสตร์ทารกแรกเกิดแห่งประเทศไทย เมื่อเร็วๆนี้ คุณหมอสรายุทธ บอกว่า ลูทีน...เป็นสารอาหารในกลุ่มที่เรียกว่า แซนโทฟิลส์ (Xanthophylls) มีลักษณะเป็นสารสีเหลือง ที่มีผลต่อการปกป้องดวงตาของคนเรา

มีการศึกษาพบว่า  ในจอประสาทตาจะมีร่องเล็กๆ  อยู่จุดหนึ่งที่มีเซลล์รับภาพ ซึ่งเป็นจุดที่แสงตกกระทบ ทำให้สามารถมองเห็นภาพที่ชัดเจนในแต่ละวัน ซึ่งบริเวณที่มีปริมาณของสารลูทีนอยู่หนาแน่นมากที่สุด เป็นจุดที่สำคัญมากต่อการมองเห็น หากจุดที่ว่านี้ เกิดเสื่อมหรือเสียไป ก็จะทำให้ตาบอดหรือสูญเสียการมองเห็นได้

“สารลูทีนในเซลล์รับภาพในจอประสาทตานี้ จะทำหน้าที่สำคัญ คือ คัดกรองแสงสีฟ้า ซึ่งเป็นอันตรายต่อจอประสาทตา และเป็นแสงที่หลีกเลี่ยงได้ยากเพราะมีอยู่ทั่วไป... ทั้งแสงแดดในเวลากลางวัน แสงจากโทรทัศน์ แสงจากจอคอมพิวเตอร์ และแสงจากหลอดไฟ” คุณหมอสรายุทธ บอก

คุณหมอสรายุทธ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เมื่อเด็กอายุมากขึ้น สารลูทีน ในเลือดจะลดลง หากไม่ได้รับสารนี้จากอาหารอย่างเพียงพอ เพราะลูทีนถือเป็นสารอาหารที่มีความสำคัญในการปกป้องจอประสาทตา มีกรดไขมัน DHA และ AA ซึ่งมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างพัฒนาการด้านการมองเห็นของเด็ก 

ซึ่งนอกจากจะพบลูทีนในดวงตาของคนเราแล้ว สารนี้ยังพบได้ในสมองส่วนที่เกี่ยวกับการมองเห็นถึง 66% พิสูจน์ว่า ลูทีนมีส่วนช่วยในการรับภาพและส่งต่อไปยังสมอง นอกจากนี้ ลูทีนยังทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ในดวงตาของคนเรา เพราะในดวงตาของเราจะมีสารอนุมูลอิสระอยู่ ที่เป็นตัวทำลายเซลล์รับภาพและทำให้เกิดโรคเกี่ยวกับจอประสาทตาทั้งในเด็กและผู้ใหญ่

การศึกษาในต่างประเทศ พบด้วยว่า ปริมาณของลูทีนในกลุ่มเด็กแรกเกิดที่กินนมแม่กับกลุ่มเด็กแรกเกิดที่ได้รับนมผสม มีปริมาณลูทีนในเลือดอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน แต่หลังอายุ 1 เดือน กลุ่มเด็กที่ได้รับนมแม่จะมีปริมาณลูทีนเฉลี่ยในเลือดอยู่ในระดับสูง แต่กลุ่มเด็กที่ได้รับนมผสมจะมีปริมาณลูทีน เฉลี่ยในเลือดลดลง

ตรงกับข้อมูลของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ที่ระบุว่า...แม่ไทยนิยมเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือนต่ำติดอันดับสุดท้ายเอเชีย และติดอันดับ 3 ก่อนสุดท้ายของโลก ทำให้เด็กไทย มีไอคิวต่ำกว่ามาตรฐาน โดย 1 ใน 3 มีพัฒนาการช้า

นพ.โสภณ เมฆธน รองอธิบดีกรมอนามัย ระบุว่า ผลการศึกษาพัฒนาการและระดับสติปัญญาหรือไอคิวของเด็กไทย มีแนวโน้มลดลง ล่าสุด พบว่าเด็กไทยอายุ 6-13 ปี มีไอคิวอยู่ที่ 88 จุด ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์ มาตรฐานสากลที่กำหนดไว้คือ 90-110 จุด และผลสำรวจพัฒนาการสมวัยของเด็กวัยต่ำกว่า 5 ขวบ ล่าสุดในปี 2550 มีแนวโน้มลดลง จากร้อยละ 72 ในปี 2547 เหลือร้อยละ 68 ในปี 2550 

ถือเป็นดัชนีชี้วัดอนาคตเด็กไทยที่น่าห่วงมาก 

ที่น่าวิตกอย่างยิ่ง คือ แม่ไทยในยุคหลังๆ นิยมเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ในอัตราที่ต่ำมาก ผลการศึกษาขององค์การยูนิเซฟ (UNICEF) ในปี 2549 พบประเทศไทยมีอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือนเพียงร้อยละ 5.4 ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดในเอเชีย และเป็นลำดับที่ 3 ก่อนสุดท้ายของโลก จะต้องเร่งแก้ไขอย่างเร่งด่วน

ส่วนในเรื่องของสุขภาพสายตา มีข้อมูลว่าเด็กไทยทุกวันนี้ มีสายตา แย่ลง   หลายคนต้องใส่แว่นหรือคอนแท็กต์เลนส์   ตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 5 ขวบ 

ผศ.นพ.ศักดิ์ชัย วงศกิตติรักษ์ หัวหน้าภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ บอกว่า เด็กไทยในพ.ศ.นี้ มีภาวะของความไม่ปกติทางสายตาสูงมาก ส่วนหนึ่งมาจากกรรมพันธุ์และพฤติกรรมที่อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ และโทรทัศน์เป็นเวลานานๆ

โรคจอประสาทตาเสื่อมในเด็ก แม้จะพบไม่บ่อยแต่ก็รุนแรง เพราะจอประสาทตา ถือเป็นส่วนสำคัญที่สุดต่อการรับภาพและมองเห็นภาพชัดเจน โดยทำหน้าที่เปลี่ยนแสงที่ตกกระทบเป็นสัญญาณภาพไปแปลผลที่สมอง เมื่อจอประสาทตาผิดปกติ หรือถูกทำลายจะทำให้เห็นภาพเลือนรางหรือสูญเสียการมองเห็น ซึ่งจอประสาทตานี้อาจถูกทำลายจากแสงสีฟ้าซึ่งเป็นส่วนประกอบหนึ่งของแสงที่อยู่รอบๆตัวเรา

“ปัญหาสุขภาพตาของเด็กไทยในปัจจุบันยังน่าห่วง   เนื่องจากพ่อแม่ส่วนใหญ่ยังไม่เห็นความสำคัญของการปกป้องและดูแลสุขภาพดวงตาของลูก แต่มักจะพามาพบจักษุแพทย์ ก็ต่อเมื่อเกิดปัญหากับดวงตาของลูกแล้ว ทางที่ดีพ่อแม่ควรให้ความสำคัญใส่ใจดูแลสุขภาพดวงตาของลูก ส่งเสริมพัฒนาการทางด้านการมองเห็นของลูกไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าพัฒนาการด้านอื่นๆ

"พัฒนาการทางสายตาและการมองเห็นของเด็ก...ถือเป็นประตูสู่การเรียนรู้และการตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมต่างๆ ซึ่งจะส่งผลต่อพัฒนาการรอบด้าน” คุณหมอศักดิ์ชัย ย้ำ สำคัญที่สุด เด็กจะมีการพัฒนาการด้านสายตาสูงสุดช่วงแรกเกิดถึง 4 ขวบ ดังนั้น การที่เด็กได้กินนมแม่ที่มีสารอาหารที่ช่วยพัฒนาทั้งสมองและสายตาจึงเป็นสิ่งสำคัญ

ในปีนี้ กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายชัดเจนที่จะรณรงค์ให้ “แม่” ได้ เลี้ยงลูกด้วยนมของตนเองเพื่อสร้างเด็กไทยให้ฉลาด สุขภาพดี อารมณ์ดี ซึ่งผลวิจัยทั่วโลกยืนยันตรงกันว่า เด็กที่กินนมแม่จะมีปัญญาดี หรือ ฉลาดกว่าเด็กที่ไม่ได้กินนมแม่ถึง 11 จุด 

ที่สำคัญ การให้ลูกได้ดื่มนมแม่เป็นการถ่ายทอดไออุ่นของความรัก ความผูกพันผ่านน้ำนมจากแม่สู่ลูก

มีคำกล่าวว่า...ความรักทำให้คนตาบอด แต่จากผลวิจัยที่บรรดาแพทย์ได้ออกมายืนยันตรงกันในครั้งนี้คงเป็นบทพิสูจน์ได้ว่า...รักแท้ๆจากอกแม่ นอกจากจะไม่ทำให้ตาบอดแล้ว

ยังทำให้ตาสว่างและฉลาดอีกด้วย!

ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ [14 ก.พ. 52]
 




High Light

การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ช่วยชีวิตมนุษย์ได้กว่า 800,000 คนต่อปี
ชั่วโมงต้องมนต์
โฆษณาหลอกลวงของนมผสม
แนะเคล็ดลับดูแลลูก ให้ห่างไกลสารกระตุ้นภูมิแพ้
นมผสมมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของทารกในรัฐอิลินอยส์ article
การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และความรู้สึกผิด article
The International Code of Marketing of Breastmilk Substitutes article
IBFAN เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับการฝ่าฝืนข้อตกลงนานาชาติฯทั่วโลก
การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ที่ถูกต้อง article
ทำไม การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ช่วยให้ลูกมีพัฒนาการทางสมองที่ดีกว่า article



[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (27649)

น่าจะไปไล่เบี้ยเอากับบรรดาโรงบาลเอกชนทั้งหลายที่มักแจกตัวอย่างนมผงก่อนออกจากโรงบาล ดิฉันคิดว่าคุณแม่ส่วนใหญ่ร้อยทั้งร้อยอยากจะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่กันทั้งนั้นและส่วนใหญ่ก็จะตกเป็นเหยื่อการทำตลาดของบริษัทนมผงโดยผ่านช่องทางโรงบาล ซึ่งดิฉันคิดว่าเป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัวมากทั้งๆที่เด็กเป็นอนาคตของชาติแท้ๆ เเต่กลับเห็นแต่ประโยชน์ของตัวเองฝ่ายเดียว

ผู้แสดงความคิดเห็น แม่น้องแป้ง (t_sivakarn-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2009-02-28 01:37:18


ความคิดเห็นที่ 2 (148885)

รัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุขควรจัดทำเรื่องนมแม่เป็นวาระแห่งชาติไปเลย เพื่อยกระดับสติปัญญาของเด็กไทยในอนาคต ดิฉันเป็นครูเห็นด้วยอย่างยิ่งว่าเด็กไทยไอคิวต่ำลงมาก ซึ่งส่วนใหญ่โตมากับนมผง สมัยนี้เด็กในชนบทพ่อแม่ก็มักทิ้งไว้กับปู่ย่าตายายตั้งแต่วัยทารกพร้อมกับนมผง เด็กในเมืองแม่ก็เร่งรีบในการทำงานทำให้ต้องใช้นมผงเพราะคิดว่าดีเท่านมแม่ตามคำโฆษณา แพทย์พยาบาลส่วนหนึ่งก็ไม่เห็นความสำคัญของนมแม่แถมยังตกเป็นเครื่องมือของการโฆษณาและกลุ่มบริษัทนมผง คนที่รับกรรมคือเด็กอนาคตของชาติ  แน่นอนว่าเมื่อเด็กโตขึ้นก็เรียนไม่ค่อยเก่ง ครูก็ถูกตราหน้าว่าล้มเหลวเพราะสอนอย่างไรเด็กถึงเรียนแย่ลงๆ  ไม่มีใครคิดค้นหาถึงต้นตอที่แท้จริง ดิฉันคิดว่านี่คือสาเหตุหลักๆเลย

ผู้แสดงความคิดเห็น คุณแม่ลูกสอง วันที่ตอบ 2011-04-07 08:29:15


ความคิดเห็นที่ 3 (148955)

เห็นด้วยกับความคิดที่2 ที่สุด เราควารนำเรื่องการเลื้ยงลูกด้วยนมมาเผยแพร่ให้ความรู้กันเยอะ ๆ สำหรับคุณแม่ทุกคน ทำไมไม่ทุ่มโฆษณาทางทีวีเหมือนนมผง และน่าจะให้คุณแม่ลาคลอดได้อย่างน้อย 6 เดือน เพราะนี้เป็นสาเหตุหลักและหมายถึงศักยภาพของประเทศ ประเทศจะได้พัฒนายิ่งขึ้น อยามัวเห็นแก่ประโยชน์และผลกำไรของบรษัทที่ผลิตนมผง เพราะไม่ว่าจะคิดค้นพัฒนานมผงกันเท่าไร ยิ่งทำให้รู้ว่านมแม่มีประโยชน์มากกว่าจริง ๆๆๆๆๆ  และอยากให้แม่ทุกคนให้ความสำคัญกับการเลี้ยงลูกด้วยนมตัวเอง เพราะนั้นหมายถึงระดับสติปัญญา และระดับไอคิว ตลอดจนสุขภาพของลูกน้อยของคุณ     

ผู้แสดงความคิดเห็น คุณแม่ที่รักลูก วันที่ตอบ 2011-04-19 14:49:32



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล