บทความโดย พญ.สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ https://www.doctorbreastfeeding.com/
เด็กมีปฏิกิริยาต่อคนแปลกหน้าแตกต่างกันในแต่ละช่วงอายุ ที่อายุ 2 เดือน ลูกสนใจหมอน้อยมาก ยอมนอนตรวจบนเตียง สนใจมองแต่ใบหน้าของแม่ ช่วงวัย 4 เดือน เป็นช่วงที่หมอชื่นชอบ เนื่องจากทารกจะเล่นทำเสียงโต้ตอบและยิ้มให้ขณะที่ถูกตรวจเพราะคิดว่าหมอเล่นด้วย แต่พออายุ 5-6 เดือนลูกจะเริ่มรู้แล้วว่าหมอเป็นคนแปลกหน้า และกลัวชัดเจนขึ้นเมื่ออายุ 9 เดือน ถ้าหมอเริ่มแตะตัว ลูกจะระวังตัวและแข็งขืน ตามองจ้อง แล้วเริ่มเบะปาก กรี๊ดเสียงดัง และอาจร้องไห้ไม่หยุดอีกนานจนกว่าจะออกจากห้องตรวจ
อาการกลัวคนแปลกหน้า ทารกอายุ 9 เดือนไม่เพียงแต่กลัวหมอ แต่ยังกลัวสิ่งที่ใหม่ๆที่ไม่คุ้นเคย เช่น หมวกใบใหม่ของแม่ หรือหน้าตาของพ่อที่ดูเปลี่ยนไปหลังจากโกนเคราออก อาการนี้เรียกว่า อาการกลัวคนแปลกหน้า เรื่องที่น่าสนใจมากคือ อะไรทำให้ทารกเปลี่ยนแปลงจากผู้ที่เคยชื่นชอบผู้คนกลายเป็นคนที่ขี้ระแวงไปได้
ก่อนอายุ 6 เดือน ทารกยังไม่สามารถแยกแยะคนแปลกหน้ากับคนที่คุ้นเคยได้ เป็นเพราะสมองส่วนนอกที่ควบคุมความจำ ยังพัฒนาไม่เต็มที่ แต่เมื่อถึงเวลาที่ลูกเริ่มจำคนได้ สัญชาตญาณทำให้รู้สึกว่าคนแปลกหน้าอาจเป็นอันตราย จึงร้องไห้กลัว
เมื่ออายุ 12-15 เดือน ลูกจะนำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตมาคาดเดาผลที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เช่น “ฉันไม่รู้ว่าคนแปลกหน้าคนนี้เป็นใคร แต่เขาไม่เคยทำอะไรฉัน ดังนั้นฉันจึงไม่กลัว” แต่มีทารกจำนวนหนึ่ง (ร้อยละ 15) มีความกลัวอย่างมากต่อคนแปลกหน้าหรือสถานการณ์ใหม่ๆที่ไม่คุ้นเคย และเมื่อโตขึ้นวัยหัดเดิน จะเป็นเด็กที่ค่อนข้างระวังตัว ไม่ค่อยกระโดดเข้าร่วมวงกับผู้อื่นง่ายๆ ต้องรอดูเหตุการณ์ให้แน่ใจก่อน ลักษณะนิสัยแบบนี้เรียกว่า “เครื่องร้อนช้า” เป็นจากการทำงานของสมอง ไม่ได้ขึ้นกับวิธีการเลี้ยงดู ไม่ได้เป็นความผิดปกติ ไม่ต้องการการแก้ไข
หากลูกกลัวคนแปลกหน้า วิธีแก้ไขคือ ให้คนแปลกหน้าคุยอยู่ห่างๆก่อน จนกว่าลูกจะเริ่มคุ้นเคย อย่าจู่โจมลูกหรืออุ้มลูกไปจากพ่อแม่ เพราะจะทำให้ลูกยิ่งกลัวมากขึ้น และควรพาลูกไปเจอผู้คนบ่อยๆ เพื่อให้เกิดความคุ้นเคยมากขึ้น แต่ไม่จำเป็นให้คนเหล่านั้นจับลูกโดยไม่จำเป็น เพราะอาจมีเชื้อโรคมาให้ลูกได้
ปล.ถ้าคนแปลกหน้าทำท่าแบบในรูปตัวอย่าง ลูกกลัวแน่นอน แถมเอาไปฝันร้ายต่ออีกหลายวัน