บทความโดย พญ.สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ https://www.doctorbreastfeeding.com/
เด็กเล็กๆแทบทุกคนเคยมีช่วงเวลาที่การพูดเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความพยายามและคิดคำพูดไม่ทัน เขาจึงพูดซ้ำๆและพูดอึกๆอักๆ ซึ่งไม่ถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติ เด็ก 1 ใน 20 คน มีปัญหาพูดติดอ่าง บางคนแสดงความยากลำบากในการเปล่งคำพูดออกทางสีหน้า แต่โชคดีที่ส่วนใหญ่จะดีขึ้นได้เอง มีเพียง 1 ใน 100 คนที่มีปัญหาติดอ่างค่อนข้างนาน
ไม่มีใครรู้แน่ว่า การพูดติดอ่างเกิดจากอะไร อาจเป็นลักษณะแต่กำเนิดของเด็กเอง และเหมือนๆกับปัญหาพัฒนาการด้านภาษาและการพูดอื่นๆ คือ พบบ่อยในเด็กชายมากกว่าเด็กหญิง มักพบบ่อยในครอบครัวเดียวกัน จึงคิดว่าพันธุกรรมอาจเป็นสาเหตุ การตรวจภาพสมองพบว่าสมองส่วนที่ควบคุมการพูดของผู้ใหญ่ที่พูดติดอ่างมีขนาดแตกต่างจากคนพูดปกติ
เดิมเคยคิดว่า การพูดติดอ่างเกิดจากความเครียด ซึ่งเป็นไปได้ เพราะเด็กที่พูดติดอ่างจะมีอาการมากขึ้นเมื่อเกิดความเครียด แต่เด็กที่มีปัญหาความเครียดรุนแรงหลายคน ไม่มีปัญหาพูดติดอ่าง ดังนั้นความเครียดจึงไม่น่าเป็นสาเหตุเพียงอย่างเดียว
พังผืดใต้ลิ้น หรือ การไม่มีลิ้นไก่ หรือ ลิ้นไก่สั้น ไม่ได้เป็นสาเหตุของการพูดติดอ่าง
ทำไมจึงพบบ่อยในเด็กช่วงอายุ 2-3 ขวบ อาจเกิดจาก 2 สาเหตุ คือ ข้อแรก ช่วงนี้เป็นช่วงที่เด็กฝึกพูดอย่างมาก ตอนเป็นเด็กกว่านี้ เขาพูดเป็นคำๆหรือประโยคสั้นๆ ซึ่งไม่ต้องกลั่นกรองคำพูดมากมาย เช่น “ดูรถ” “จะไปข้างนอก” แต่เมื่อเริ่มโตขึ้น เขาต้องการสื่อถึงความคิดใหม่ๆมากขึ้น เมื่อพูดประโยคยาวๆออกไปแล้ว หาทางจบไม่ได้ จึงต้องพูดซ้ำๆ หากพ่อแม่ไม่ได้สนใจฟัง หรือตอบสนองด้วยเสียง “อือฮึ” พร้อมกับยังทำงานง่วนอยู่ เด็กจะยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นที่พูดแล้วไม่มีใครฟัง
เด็กเล็กๆอาจพูดติดอ่าง เวลาที่มีน้องทารกเพิ่งคลอดเขาไม่ได้แสดงความอิจฉาออกมา ไม่ได้ตีหรือหยิกน้อง แต่เขาอาจงอแงมากขึ้น เด็กบางคนพูดติดอ่างเมื่อต้องแยกจากคนคุ้นเคยที่ชอบ แต่หายจากพูดติดอ่างเองภายใน 2 สัปดาห์ แต่กลับมาพูดติดอ่างอีกครั้งช่วงหนึ่ง ตอนย้ายบ้าน ต่อมาพ่อต้องจากไปเป็นทหารรับใช้ชาติ ลูกก็กลับมาพูดติดอ่างอีก เด็กบางครั้งพูดติดอ่างเมื่อพ่อแม่เข้มงวดและต้องการฝึกให้ลูกมีวินัย
วิธีแก้ไขปัญหาลูกพูดติดอ่าง เมื่อลูกพูดกับคุณ ให้สนใจฟังลูก เพื่อไม่ให้ลูกหงุดหงิด การบอกให้ลูกพูดช้าๆหรือให้พูดใหม่ กลับยิ่งเพิ่มความกดดันมากขึ้น จึงควรตอบสนองต่อสิ่งที่ลูกต้องการจะบอกกล่าว ดีกว่าสนใจถึงวิธีการที่ลูกพูด คุณควรทำเป็นตัวอย่างให้ลูกเห็น โดยพูดในลักษณะผ่อนคลาย ไม่กดดัน และให้ทุกคนในบ้านทำเช่นเดียวกัน และควรทำให้เป็นธรรมชาติ พูดติดอ่างจะเป็นมากขึ้น หากผู้พูดรู้สึกว่ามีเวลาให้พูดไม่เพียงพอการช่วยลดความเครียดของลูก เช่น การให้ลูกได้เล่นกับเด็กคนอื่นที่ลูกชอบ ลูกมีของเล่นเพียงพอทั้งในบ้านและนอกบ้าน เมื่อคุณใช้เวลาอยู่กับลูก คุณรู้สึกผ่อนคลายและเปิดโอกาสให้ลูกเป็นผู้นำการเล่นบ้างหรือไม่กิจวัตรประจำวันควรเป็นไปในบรรยากาศสบายไม่เคร่งเครียดและรีบเร่ง หากลูกรู้สึกกระทบกระเทือนใจมากเมื่อไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ ควรหลีกเลี่ยงการแยกจากในช่วงเวลา 2-3 เดือนนี้อีกครั้ง
เมื่อไรจึงควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เด็กส่วนใหญ่เลิกพูดติดอ่างได้เอง จึงยากที่จะรู้ว่ารายใดควรได้รับการช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ แต่อาจอาศัยกฏที่ว่า หากพูดติดอ่างอย่างรุนแรง หรือ มีปัญหานานเกินกว่า 4-6 เดือน
อย่างไรจึงใช้บอกว่าความรุนแรงมากหรือน้อย หากเป็นแบบน้อย เด็กจะไม่แสดงความเครียดในการพูด ไม่แสดงออกว่ามีความตึงเครียดของกล้ามเนื้อที่ใบหน้า ระดับเสียงที่พูดเป็นปกติ และ พูดติดอ่างเฉพาะเวลาที่รู้สึกเครียด ไม่เป็นในเวลาที่ผ่อนคลาย
รายที่เป็นรุนแรงมาก เด็กจะกังวลกับการพูดอย่างมาก พยายามเลี่ยงที่จะพูด มีความตึงเครียดของกล้ามเนื้อที่ใบหน้า ระดับเสียงพูดแหลมสูงผิดปกติ พูดติดอ่างเกือบตลอดเวลาแม้แต่เวลาที่รู้สึกผ่อนคลาย และ หากคุณเป็นผู้ฟัง จะรู้สึกว่าเครียดตามไปด้วย
วิธีแก้ไข คือ เช่นเดียวกับเรื่องอื่นๆในการเป็นพ่อแม่ คือ ทำตามความรู้สึกของคุณ ถ้าการพูดติดอ่างของลูก ทำให้คุณรู้สึกไม่สบายใจ นั่นแปลว่า ควรขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ
ยิ่งลูกได้รับความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญการแก้ไขการพูดที่ผิดปกติได้เร็วเท่าไรยิ่งดีเท่านั้น มีหลายเทคนิคที่ช่วยสอนให้ลูกพูดได้คล่องขึ้น ถึงแม้อาจไม่สามารถแก้ไขได้ร้อยเปอร์เซนต์ แต่จะช่วยไม่ให้เป็นมากขึ้น รายที่เป็นรุนแรงจะส่งผลต่อชีวิตของลูกในระยะยาว ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้เด็กและครอบครัวเข้าใจปัญหาและปรับตัวได้ดีขึ้น