บทความโดย พญ.สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ https://www.doctorbreastfeeding.com/
ลูกชายอายุ 1 ขวบ 3 เดือน มีเรื่องน่าเป็นห่วงคือ เวลาแกไม่พอใจตัวเองเช่น ทำอะไรไม่ได้ดังใจ มักจะตบหัวตัวเองแรงๆ เหมือนหงุดหงิด ไม่พอใจแม่พยายามเอามือออก ห้ามแล้วก็ไม่ยอมหยุดก็เลยชักเป็นห่วงว่าอาการนี้อาจติดไปตลอด เพราะเวลาแกตี แกตีแรงมากไม่ออมแรงเลย นอกจากนี้ แกติดดูดนิ้วมากๆ ด้วยควรแก้ไขทั้งสองพฤติกรรมนี้อย่างไรดีคะ"
เด็กวัย 1-2 ขวบ เป็นวัยเพิ่งผ่านพ้นวัยทารก จากวัยที่ทำอะไรไม่ค่อยได้ เริ่มมีความสามารถมากขึ้น อยากเรียนรู้สิ่งต่างๆ อยากทำอะไรด้วยตัวเอง อยากเลียนแบบผู้ใหญ่ มีความเป็นตัวของตัวเองสูงมาก แต่พัฒนาการก็เพิ่งเริ่ม ทั้งการเคลื่อนไหว อาจยังเดินได้ไม่คล่องแคล่ว งุ่มง่าม อยากสำรวจไปทั่วๆ ก็ถูกห้าม เพราะกลัวจะซนไปทั่วๆเสียมากกว่า กล้ามเนื้อมือ อยากที่จะหยิบจับสิ่งของด้วยมือเล็กๆของตัวเอง เช่น ตักข้าวกินเอง แต่ก็ยังไม่ชำนาญ พ่อแม่ก็ไม่ยอมให้ทำ เพราะกลัวเลอะเทอะ อยากพูดจาสื่อสารกับคนอื่น ก็ยังพูดได้ไม่กี่คำ พูดเป็นภาษาเด็ก ก็ไม่มีใครเข้าใจ อยากเลียนแบบผู้ใหญ่ เช่น ใช้โทรศัพท์มือถือ รีโมททีวี เหมือนที่ผู้ใหญ่ใช้ ก็ไม่ได้เล่น
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เด็กวัยนี้ น่าสงสารมากๆ เกิดความรู้สึกคับข้องใจ อึดอัด สับสน อยากเป็นเด็กโต อยากเก่ง แต่ก็ถูกจำกัด ด้วยความสามารถอันน้อยนิดของตัวเอง และสกัดกั้นจากผู้ใหญ่ที่ไม่ยอมให้ทำ ก็ย่อมทำให้รู้สึกหงุดหงิด โมโห อยากอาละวาด อยากกรี๊ด และเนื่องจากการสื่อสารด้วยคำพูดยังทำได้ไม่ดี เช่น จะบอกว่า หนูโมโหแล้วนะ ก็เลยแสดงออกทางภาษากาย เป็นการเอามือตีหัวตัวเอง ครั้นพอทำแล้ว ได้รับการตอบสนอง เช่น พ่อแม่ทำสีหน้าตกอกตกใจ รีบห้ามปราม รีบยอมตามใจ ก็จะเรียนรู้ว่า วิธีนี้ได้ผล จึงทำต่อเนื่อง
วิธีแก้ไข คือ หากลูกทำอีก ให้ใช้วิธีการเบี่ยงเบนความสนใจลูก ไปสู่สิ่งอื่น เช่น หากลูกจะเล่นของอันตราย ให้รีบเก็บขึ้น แล้วชวนลูกไปเดินเล่น หรือ หาของเล่นมาทดแทน เด็กส่วนใหญ่จะลืมเหตุการณ์ตรงนั้น แล้วสนใจสิ่งใหม่ที่น่าสนใจได้ และเพื่อป้องกันครั้งต่อไป พ่อแม่ก็ควรวางแผนล่วงหน้าว่า อาจมีอะไรที่ทำให้ลูกอยากเล่น แต่ให้เล่นไม่ได้ แล้วเก็บให้พ้นสายตาลูกตั้งแต่ต้น จะได้ไม่ต้องทำให้ลูกรู้สึกอยากได้อยากเล่นสิ่งนั้น แต่ก็มีส่วนน้อยที่เป็นเด็กมุ่งมั่นมากๆ เบี่ยงเบนอย่างไรก็ไม่สำเร็จ ร้องไห้และอาละวาดไม่หยุดเพื่อทำให้พ่อแม่ยอมให้ได้ หากคิดในแง่ดี คือ เมื่อลูกโตขึ้นจะเป็นคนที่ตั้งใจแล้วจะทำจริง ไม่โลเล แต่หากพ่อแม่ตามใจลูกแล้ว จะทำให้เป็นคนเอาแต่ใจตัวเองเป็นที่ตั้ง ไม่ทำตามกฏเกณฑ์ของส่วนรวม กรณีนี้ คุณพ่อคุณแม่ต้องยอมให้ลูกอาละวาด แต่พาเข้ามุม แล้วบอกลูกว่าถ้าหนูร้องไห้ต้องเข้ามุม แล้วพ่อแม่ก็เดินออกมา โดยไม่ต้องให้ความสนใจ ไม่ทำสีหน้าวิตกกังวล ไม่ต้องโมโหลูก ไม่ต้องขึ้นเสียงดังกับลูก จนกว่าลูกจะหยุดอาละวาดด้วยตัวเอง แล้วจึงเดินกลับไปหาลูก ชวนลูกไปล้างหน้าล้างตา ทุกๆครั้งให้ทำแบบนี้ ลูกจะเรียนรู้ว่าวิธีอาละวาดไม่ได้ผล จะเลิกพฤติกรรมนี้ได้ค่ะ ถึงแม้ลูกจะตีตัวเองแรงอย่างไร หรือ ร้องไห้จนอาเจียน ก็ไม่ต้องตกใจ ไม่อันตรายแน่นอนค่ะ
กรณีดูดนิ้ว ให้ใช้วิธีเบี่ยงเบนความสนใจ ชวนลูกทำกิจกรรมด้วยกัน เช่น เล่นเกมส์ ระบายสี ปั้นแป้งโดว์ เล่นของเล่น เมื่อมีอะไรทำ เด็กก็จะเหงาและรู้สึกเบื่อน้อยลง การเอานิ้วมือเข้าปากจะเป็นมากเวลาลูกรู้สึกเบื่อ เหงา ไม่มีอะไรทำและตอนที่ง่วงนอน ส่วนเวลาเข้านอน เขาใช้นิ้วเป็นตัวกล่อมตัวเองให้หลับ คุณแม่ก็พยายามช่วยให้ลูกง่วงนอนและหลับได้โดยไม่ต้องพึ่งนิ้วมือ เช่น ร้องเพลงกล่อม เล่านิทาน หรือ พยายามให้ลูกออกกำลังกายตอนกลางวันเยอะๆ จะได้หมดพลัง เวลาเข้านอน จะได้ป๊อกหลับได้ง่ายขึ้น
บางคนลองทาบอระเพ็ด พอลูกดูดแล้วขม ก็อาจเข็ด แต่ส่วนใหญ่ที่หมอเจอ มักไม่ได้ผล เพราะดูดจนจืดได้เลยค่ะ ส่วนลูกหมอ ใช้วิธีทายาหมึกม่วง เยนเชี่ยนไวโอเลต พอลูกเห็นสีม่วงๆดูน่ากลัว ก็ไม่กล้าเอาเข้าปาก ทา 3 วันเลิกดูดเลยค่ะ ลองดูก็ได้นะคะ