บทความโดย พญ.สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ https://www.doctorbreastfeeding.com/
มีหลักใหญ่ๆ อะไรที่คุณพ่อคุณแม่จะไว้ใช้สังเกตได้ว่าลูกของเราพัฒนาการช้าคะ ทั้งวัยทารก และวัยก่อนเรียน
เด็กแต่ละคนมีความเร็ว -ช้าของพัฒนาการที่แตกต่างกัน ส่วนใหญ่ขึ้นกับพันธุกรรมซึ่งเป็นตัวกำหนดการทำงานของระบบประสาทที่ได้รับการวางโปรแกรมโดยคร่าวๆมาแล้วว่า จะยิ้ม นั่ง ยืน เดิน พูด ตอนใดเมื่อไร บางคนทำได้ตามเกณฑ์เฉลี่ยในทุกๆด้าน หรือ เร็วกว่าเกณฑ์ในทุกๆด้าน แต่บางคนอาจทำได้เร็วกว่าเกณฑ์เฉลี่ยในบางด้าน แต่ช้ากว่าเกณฑ์เฉลี่ยในบางด้าน เช่น พูดเร็ว แต่เดินช้า
เด็กบางคนเกิดมาพร้อมกับมีปัญหาสุขภาพที่มีแนวโน้มจะมีพัฒนาการช้า เช่น โรคดาวน์ซินโดรม สมองขาดออกซิเจน หรือ มีปัญหาได้รับสารพิษที่มีผลกับสมอง หรือ เป็นโรคติดเชื้อที่สมอง เด็กกลุ่มนี้สมควรได้รับการดูแลติดตามใกล้ชิดด้านพัฒนาการมากกว่าเด็กทั่วไป
การที่ลูกมีพัฒนาการช้ากว่าคนอื่นมากๆ เช่น อายุ 2 ขวบแล้วยังไม่พูด หรือ อายุ 18 เดือนแล้วยังเดินไม่แข็ง หลายๆครั้งพบว่า อาจเป็นเพียงแค่ ทำได้แน่ แต่ช้าหน่อย แต่การปรึกษากุมารแพทย์ หรือ ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็ก จะช่วยให้คุณแม่คลายความเครียดและรู้สึกผ่อนคลายความวิตกกังวลได้ไม่มากก็น้อย และยังช่วยให้ได้รับคำปรึกษาเรื่องการส่งเสริมพัฒนาการให้สมวัย การเลี้ยงดูและการฝึกวินัยที่ถูกต้อง เช่น การฝึกให้ลูกได้ทำอะไรด้วยตัวเอง ไม่ทำให้ลูกทุกอย่างจนกระทั่งลูกช่วยเหลือตัวเองไม่เป็น คำแนะนำไม่ให้ลูกดูทีวีก่อนวัยอันควร หรือ จำกัดเวลาการดูทีวี เหล่านี้จะช่วยให้ลูกมีพัฒนาการที่ดีขึ้น
ดังนั้น เมื่อไรก็ตามที่คุณแม่ได้พบกับกุมารแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นการพาลูกไปฉีดวัคซีน หรือ พาลูกไปหาหมอเนื่องจากเจ็บป่วย คุณแม่ไม่ควรรีรอที่จะขอคำแนะนำจากคุณหมอ ว่าลูกมีพัฒนาการสมวัยหรือไม่ และแม่จำเป็นต้องกังวลหรือไม่กับสิ่งที่ลูกยังทำไม่ได้ และมีวิธีเสริมสร้างพัฒนาการอย่างไรได้บ้าง
อย่างไรก็ดี บางครั้ง ความคิดเห็นจากกุมารแพทย์ อาจยังไม่ช่วยให้คุณแม่คลายความกังวล ขั้นตอนต่อไป คือ การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็กหรือจิตเวชเด็ก