บทความโดย พญ.สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ https://www.doctorbreastfeeding.com/
ควรรักษาแผลร้อนในที่อยู่ตามกระพุ้งแก้ม เพดานปาก เหงือก หรือริมฝีปากด้านในของเด็กวัย 2-3 ขวบอย่างไรดี จะใช้ยาป้ายเหมือนผู้ใหญ่ได้หรือไม่ และจะป้องกันปัญหานี้ได้อย่างไร
แผลร้อนใน (aphthous) เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น
เป็นภาวะถ่ายทอดทางพันธุกรรม มักพบว่ามีคนในครอบครัวเป็นด้วย
ภาวะขาดวิตามินและแร่ธาตุบางอย่าง เช่น วิตามิน บี1,2,6,12 วิตามินซี สังกะสี เหล็ก โฟลิค ซีลีเนียม แคลเซียม แก้ไขได้ด้วยการให้สารที่ขาด
การดื่มน้ำน้อยหรือใช้ยาสีฟันที่มีสาร SLS(Sodium Lauryl Sulfate) ทำให้เยื่อบุในปากแห้ง อ่อนแอ เป็นแผลง่าย
การทานของทอดของกรอบ ทำให้เยื่อบุเป็นแผลจากความแข็งของอาหารที่เคี้ยว
การกัดหรือแปรงฟันกระแทกหรือระคายเคืองจากครอบฟันหรือที่จัดฟัน
ภาวะเครียดหรือพักผ่อนน้อย ให้แก้ไขที่สาเหตุ
การแพ้อาหารบางอย่าง เช่น แป้งสาลี ข้าวโอ๊ต ผลไม้รสเปรี้ยวเช่น ส้ม มะนาว สัปปะรด แอปเปิ้ล มะเขือเทศ สตรอเบอรี่ นม ถั่ว ชอคโกแลต น้ำส้มสายชู สารกันบูด สารแต่งกลิ่น เป็นต้น การป้องกัน คือ การงดรับประทานอาหารที่สงสัย
การมีประจำเดือน อันนี้ป้องกันยากค่ะ
การติดเชื้อไวรัส มีหลายสายพันธุ์ บางสายพันธุ์ทำให้มีไข้ เหงือกบวม (โรคเริม) ผื่นเป็นจุดแดง หรือตุ่มน้ำใสตามผิวหนังที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า (โรค HFM) การติดเชื้อโดยสัมผัสน้ำลายผ่านทางมือ ของเล่น ไอจามรดกัน การป้องกันทำได้โดยการล้างมือให้สะอาดหลังจากเล่น และก่อนทานอาหารหรือเอามือเข้าปาก
ในกรณีที่มีแผลเกิดขึ้นแล้ว โดยทั่วไปแผลจะหายได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์ ในช่วงที่เป็นแผลทำให้เจ็บ ทานได้น้อย ให้ทานอาหารอ่อน ไม่เผ็ด ไม่ร้อน หรือเปรี้ยว การดื่มน้ำแครอทน้ำแคนตาลูป อาจช่วยให้แผลหายเร็วขึ้นการทายาสเตียรอยด์วันละ 2-4 ครั้งช่วยลดการอักเสบและแผลหายเร็วขึ้น การให้วิตามินรวม การบ้วนปากด้วยน้ำยา kamillosan การรับประทาน echinacea อาจช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น
การใช้ยาชาทาที่แผล ช่วยให้เจ็บน้อยลงและพอทานได้บ้าง
หากเกิดจากไวรัสเริม การใช้ยาต้านไวรัสตั้งแต่ระยะแรก ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น