บทความโดย พญ.สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ https://www.doctorbreastfeeding.com/
เรื่องมีอยู่ว่า เช้าวันหนึ่ง ป้าหมอมาถึงที่ทำงานตอนหกโมงเช้า มีพ่อลูกคู่หนึ่งมานั่ง และนอนรอป้าหมออยู่ก่อนแล้ว ถามไถ่ได้ความว่า ลูกอายุ 7 ขวบ ปวดท้องอย่างรุนแรงตัวงอตอนตีสาม เลยปลุกพ่อให้พามารพ. เจอแพทย์เวรตรวจ แล้วมีการเจาะเลือดตรวจด้วยเพราะกลัวว่าเป็นไส้ติ่งอักเสบ ใส่สายคาเส้นเลือดเตรียมไว้ว่า ถ้าเป็นไส้ติ่ง จะได้ต่อน้ำเกลือเตรียมผ่าตัด มีการเอ็กซเรย์ดูในท้อง เพื่อดูว่าเข้าข่ายไส้ติ่งอักเสบไหม เมื่อผลเลือดและเอ็กซเรย์ไม่พบอะไรผิดปกติ แพทย์เวรจึงสรุปว่าเป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบ สั่งฉีดยาให้แล้วรอดูอาการอยู่ที่รพ.
คุณพ่อเห็นว่าเช้าแล้ว ก็เลยรอให้ป้าหมอช่วยดูหน่อย และถามว่า ทำไมฉีดยาแล้วยังไม่หายปวดท้อง
ป้าหมอก็เลยซักประวัติใหม่ ว่า มีไข้ อาเจียน ท้องเสียไหม- ก็ไม่มี กินได้ไหม- พ่อบอกกินเยอะด้วย เมื่อตอนเย็น- อ๊ะ ชักเข้าเค้า
เลยถามต่อว่า ปกติท้องผูกไหม แบบว่าขี้แข็งอ่ะ พ่อบอกใช่ ท้องผูกประจำ ป้าหมอเลยขอตรวจรูก้นหน่อย พอเอานิ้วแหย่เข้าไป เจอขี้แข็งโป๊กคาอยู่ ก็เลยขอเปิดดูผลเอ็กซเรย์แผ่นเดิม แล้วชี้ให้พ่อดู ว่ามีเงาอุจจาระเต็มท้องไปหมด ก็เลยบอกพ่อว่า เดี๋ยวจะสวนอุจจาระให้ จะได้หายนะสวนเสร็จ ลูกยิ้มหายปวดท้อง พ่อหันไปถามลูกด้วยน้ำเสียงประมาณข่มใจสุดๆว่า - ปวดขี้จนต้องปลุกพ่อพามารพ.ตอนตีสามเนี่ยอ่ะนะ แล้วสายน้ำเกลือเอาไงต่อ (ก็ถอดออกไงคะ)
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เด็ก 7 ขวบ ยังไม่รู้ว่าปวดท้องอึ กับ ปวดท้องที่ไม่ใช่ปวดอึ มีมูลค่าความเสียหายแตกต่างกัน ที่ป้าหมอรู้เรื่องนี้ไม่ใช่เพราะเป็นหมอ แต่เป็นเพราะ ลูกชายหมอเองเจ็ดขวบเหมือนกัน ชอบบ่นปวดท้องแล้วตัวงอ อย่างที่ดูแล้วน่าสงสารมาก หลังกินข้าวเกือบเสร็จ หมอต้องบอกลูกอย่างสุขุม ไม่ตื่นตระหนกตกใจว่า "ไปขี้ไป" ลูกก็จะเถียงว่า ไม่ได้ปวดขี้
หมอก็ต้องยืนยันแบบนุ่มนวลเหมือนเดิมว่า "ไปขี้ไป" ลูกถึงจะยอมไปนั่งส้วม
สังเกตดูว่าลูกสาวไม่เป็นนะคะ ลูกชายคงมียีนที่ไม่รู้ว่าปวดท้องอึเป็นยังไงอ่ะค่ะ
คุณพ่อคุณแม่จำไว้เป็นอุทาหรณ์นะคะ เวลาลูกบ่นปวดท้อง ต้องคุมสติให้มั่น แล้วบอกลูกว่า "ไปขี้ไป" ถ้าอึแล้วไม่หาย ค่อยพาหาหมอนะคะ