บทความโดย พญ.สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ https://www.doctorbreastfeeding.com/
นอกจากการปรึกษาคุณหมอที่ดูแลลูก ต่อไปนี้เป็นคำแนะนำที่คุณอาจลองใช้ดูเพื่อช่วยเหลือลูกและตัวคุณเอง ได้ผลบ้าง ไม่ได้ผลบ้าง
- ใช้จุกหลอก เพื่ออุดปากให้เงียบ (ฮ่าๆ)
- ห่อตัวให้แน่นๆ เหมือนตอนอยู่ในโรงพยาบาล
- ไกวเปลหรือโยกที่นั่งไปมา
- ใส่ลูกไว้ในเป้ให้ตัวลูกอยู่กับตัวคุณตลอดเวลา
- พาไปขับรถวนเล่น (หลายคนขึ้นรถแล้วจะง่วงนอนแต่เปลืองน้ำมัน)
- นวดสัมผัสทารก อาจช่วยให้หลับสบายและหายปวดท้อง
- ประคบอุ่นบริเวณท้อง ช่วยคลายอาการปวดท้อง
- ลองเปลี่ยนนมวัวผงเป็นสูตรป้องกันภูมิแพ้หรือนมถั่วหรือสูตรปราศจากน้ำตาลแลคโตส เพราะอาจแพ้นม
- หากลูกกินนมแม่ ลองสังเกตว่าเกี่ยวกับอาหารที่แม่กินหรือไม่ เช่น นมวัวหรือคาเฟอีน
- เปิดเพลงให้ฟัง
- ห้องเงียบสงบ เจอคนเยี่ยมน้อยๆ ใช้เสียงเบาๆ เคลื่อนไหวช้าๆนุ่มนวลไม่หุนหันฉับพลัน
หากทำทุกวิธีแล้วลูกยังไม่หยุดร้อง ลองตรวจดูอีกครั้งว่าลูกไม่ได้หิว เปียกก้น เลอะเทอะหรือเจ็บป่วย สิ่งที่ควรทำต่อไปคืออะไร ผู้เขียนแนะนำว่าการวางลูกในเตียงของเขา แล้วปล่อยให้เขาลองร้องจนหยุดเอง เป็นเรื่องที่ทำได้โดยได้ผลดีทีเดียว คุณอาจอยู่ในห้องหรือเดินออกนอกห้องไปสูดอากาศหรือสงบอารมณ์นาน 10-15 นาทีแล้วค่อยเดินกลับมาหาลูกแล้วเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด ก็ไม่ได้เป็นการทำให้ลูกโตขึ้นมาเป็นคนเจ้าอารมณ์แต่อย่างใด ไม่มีวิธีใดถูกหรือผิด ให้ทำสิ่งที่คุณรู้สึกว่าสบายใจที่สุด
อย่าลืมดูแลตัวเอง พ่อแม่บางคนอาจรู้สึกเป็นปกติดีหลังจากที่ต้องรับมือกับลูกร้องโคลิกเป็นเวลาต่อเนื่องหลายชั่วโมงแล้วก็ตาม เพราะอาจเรียนรู้แล้วว่าเป็นธรรมชาติและกิจวัตรประจำวันของลูก และลูกไม่ได้มีปัญหาร้ายแรงแต่อย่างใด เป็นเพียงแค่ร้องรุนแรงกว่าเด็กคนอื่นเท่านั้นเอง (เด็กคนอื่นร้องแบบธรรมดาดาษดื่น แต่ลูกคุณพิเศษกว่า) นั่นแปลว่าคุณรับมือกับปัญหาได้ดี แต่พ่อแม่บางคนอาจรู้สึกแทบคลั่งที่ต้องได้ยินเสียงร้องโคลิกสม่ำเสมอทุกวันต่อเนื่องกันเป็นเวลานานเกือบ 3 เดือน ทำให้คุณหมดสภาพเหนื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจ
หนทางหนึ่งที่อาจช่วย คือ ควรหาเวลา 2 ครั้งต่อสัปดาห์ ครั้งละ 2-3 ชั่วโมง ออกไปเติมพลังงานนอกบ้าน (ดูหนังหรือไปเที่ยวกับเพื่อนหรือกินข้าวบรรยากาศโรมานซ์กับสามี) เพื่อเรียกความแจ่มใสกลับคืน จะได้กลับมารับมือการร้องมาราธอนของลูกต่อได้ โดยคุณอาจฝากลูกไว้กับคนที่คุณไว้ใจ (ต้องบอกทุกคนว่าห้ามเขย่าลูกเป็นอันขาด ไม่ว่าลูกจะร้องไห้มากขนาดไหนก็ตาม)
แต่บางคนไม่นิยมวิธีการนี้ เพราะอาจรู้สึกผิด คิดว่าตัวเองออกไปหาความสุขคนเดียว แต่ความเป็นจริงคือ วิธีการนี้ดีกับทุกคน รวมทั้งลูกและสามี เพราะทุกคนจะได้รับผลดีจากการที่คุณไม่เหนื่อยหรือเศร้าจนเกินไป จนทำให้คนรอบตัวคุณหดหู่ไปด้วย แต่หากคุณหาคนมาดูแลลูกไม่ได้ คุณกับคู่สมรสอาจสลับกันไปทีละคน หรืออาจชวนเพื่อนมาเฮฮาปาร์ตี้ที่บ้าน อะไรก็ได้ที่ทำให้คุณผ่อนคลาย