บทความโดย พญ.สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ https://www.doctorbreastfeeding.com/
ไม่มีทารกคนใดไม่ร้องไห้และส่วนใหญ่คาดเดาสาเหตุได้ไม่ยาก การร้องไห้มักเป็นเพิ่มขึ้นในช่วง 6-8 สัปดาห์แรกและค่อยๆลดลงหลังจากนั้น เมื่อทารกอายุประมาณ 3-4 เดือนการร้องไห้ลดลงเหลือเพียงวันละประมาณ 1 ชั่วโมง
ทารกที่ร้องไห้มากนานเป็นชั่วโมงหรือหลายชั่วโมง ประเภทที่ปลอบหรือทำอย่างไรก็ไม่หยุดร้องง่ายๆ หากร้องไห้นานกว่า 3 ชั่วโมงต่อวัน มากกว่า 3 วันต่อสัปดาห์ ต่อเนื่องนานกว่า 3 สัปดาห์ จะเข้าข่ายที่เรียกว่าร้องโคลิก โคลิกมาจากคำว่าอาการปวดท้องจากลำไส้บีบตัว แต่ยังไม่เป็นที่ยืนยันแน่นอนว่าการร้องโคลิกเป็นสาเหตุมาจากอาการปวดท้องเท่านั้น
การร้องโคลิกมี 2 รูปแบบใหญ่ๆ คือ
- แบบแรกเป็นการร้องช่วงเย็นหรือหัวค่ำ ประมาณ 5 โมงเย็นถึง 2 ทุ่ม โดยที่ก่อนเวลา 5 โมงเย็น ทารกจะดูปกติดีทุกอย่าง คำถามคือ อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ทารกหงุดหงิดในช่วงเวลาดังกล่าว หากเป็นเพราะท้องอืด ก็ควรจะมีอาการเวลาอื่นด้วย เพราะท้องอืดเป็นได้ตลอดเวลา
- แบบที่สองคือร้องได้ทุกช่วงเวลา มักเป็นในทารกที่มีลักษณะกระวนกระวายง่าย ถูกเร้าจากสิ่งต่างๆได้ง่ายต้องอยู่ในที่เงียบๆสงบๆ ไม่ชอบเจอคนเยอะๆ เกลียดการเปลี่ยนแปลงอะไรแบบทันทีทันใด เช่น การอุ้ม การวาง การเปลี่ยนอิริยาบถ ต้องทำแบบนุ่มนวลไม่หุนหันฉับพลัน
การดูแลภาวะโคลิก
พ่อแม่ที่มีลูกเป็นโคลิกจะเหนื่อยมาก เพราะการปลอบลูกให้หยุดร้องไม่ง่ายเลย เช่น ตอนแรกการอุ้มอาจทำให้ลูกหยุดร้องได้ชั่วขณะ แต่ไม่นานลูกก็จะกรีดร้องอย่างรุนแรงขึ้นมาอีก ทำให้คุณกระวนกระวายใจว่าลูกจะมีอันตรายอะไรที่คุณไม่ทราบซ่อนเร้นอยู่หรือไม่ และคุณไม่สามารถช่วยให้ลูกหยุดร้องได้เลย คุณอาจรู้สึกโกรธลูกที่ไม่ยอมสงบทั้งๆที่คุณพยายามเต็มที่แล้ว แล้วคุณก็รู้สึกผิดที่โกรธลูก ความรู้สึกดังกล่าวยิ่งทำให้คุณรู้สึกเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ
มีหลายวิธีที่อาจช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น แต่ก่อนอื่นคุณควรจัดการกับความรู้สึกของตัวคุณเองให้ได้เสียก่อน ความรู้สึกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ความวิตกกังวล ความเสียใจ ความกลัว ความรู้สึกไร้ความสามารถ เหล่านี้จะยิ่งทำให้คุณปลอบหรือช่วยลูกไม่สำเร็จ คุณแม่ส่วนใหญ่รู้สึกผิดคิดว่าที่ลูกเป็นเช่นนี้เพราะตัวเองทำอะไรผิด ซึ่งไม่เป็นความจริงเลย และหลายคนรู้สึกโกรธลูก ซึ่งเป็นความรู้สึกปกติที่เกิดขึ้นได้
ดังนั้นก่อนสิ่งอื่นใด การดูแลลูกที่เป็นโคลิก คือการรู้เท่าทันความรู้สึกของตัวพ่อแม่เอง ว่ากำลังรู้สึกอย่างไร และตระหนักรู้ว่านั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นได้เช่นกันในพ่อแม่คู่อื่นๆ (อย่างน้อยรู้สึกว่ามีเพื่อนๆที่เจอปัญหาแบบเดียวกัน)
ห้ามเขย่าหรือสั่นทารกแรงๆ พ่อแม่บางคนที่ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ อาจเขย่าหรือสั่นตัวทารกอย่างรุนแรงเพื่อให้หยุดร้องไห้ ทำให้เกิดอันตรายรุนแรงต่อสมองของทารก จอประสาทตาหลุดลอกและบางคนเสียชีวิต หากคุณมีความรู้สึกที่รุนแรงจนอยากเขย่าตัวทารกให้หยุดร้อง ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อให้การช่วยเหลือปัญหาที่เกิดขึ้นโดยด่วน และหากลูกต้องได้รับการดูแลจากบุคคลอื่นที่ไม่ใช่คุณ ควรแน่ใจว่าลูกจะปลอดภัยจากการกระทำดังกล่าวจากบุคคลที่ดูแลลูก ขณะที่คุณไม่อยู่บ้าน
การประเมินภาวะโคลิกจากแพทย์ หากคุณคิดว่าลูกเป็นโคลิก ลูกควรได้รับการตรวจและประเมินโดยแพทย์ถึงสาเหตุอื่นๆที่อาจเป็นได้ เพราะบางครั้งลูกอาจเป็นภาวะแพ้โปรตีนนมวัวหรือมีภาวะกรดไหลย้อนที่หลอดอาหาร ซึ่งแก้ไขได้โดยการรักษาที่จำเพาะ หากลูกมีการเจริญเติบโตช้าผิดปกติร่วมกับภาวะโคลิก คุณหมอจะนึกถึงความผิดปกติบางอย่างซ่อนเร้นอยู่ซึ่งต้องการการตรวจค้นเพิ่มเติ
หากพบว่าลูกเป็นเพียงโคลิก ไม่ได้มีสาเหตุอื่นซ่อนเร้นอยู่ คุณมั่นใจได้เลยว่า เมื่อลูกโตขึ้นมาเขาจะเป็นปกติดี มีความสุขดี มีอารมณ์ดี พัฒนาการปกติดีไม่แตกต่างจากเด็กที่ไม่เป็นโคลิกแต่อย่างใด