บทความโดย พญ.สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ https://www.doctorbreastfeeding.com/
"ลูกสาววัย 11 เดือนถูกกระจกบาดที่หน้าผาก คุณหมอแนะนำให้เย็บแผลประมาณ 3-4 เข็ม แต่ตัดสินใจไม่เย็บ แค่ทำแผลและพาไปล้างแผลที่โรงพยาบาลทุกวัน ตอนนี้มีแผลเป็นเป็นรอยนูน จะทำอย่างไรให้รอยนี้จางลงได้"
เมื่อผิวหนังมีบาดแผลเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเกิดจากของมีคม โดนยุงกัดแล้วเกาจนเป็นแผล รอยเจาะหู แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ร่างกายมีกระบวนการซ่อมแซมโดยการสร้างเนื้อเยื่อเพื่อให้ผิวหนังกลับมาติดกันดังเดิม แต่บางครั้งเนื้อเยื่อที่เกิดขึ้นมากเกินไปจนเกิดนูนขึ้นมาตรงรอยแผลมากผิดปกติ และบางกรณีเป็นรุนแรงมากจนนูนออกไปนอกรอยแผลเรียกว่าคีลอยด์ (มาจากภาษากรีก แปลว่า ก้ามปู เพราะมีลักษณะปูดออกมาคล้ายก้ามปู) มักมีอาการคันและเจ็บร่วมด้วย ทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นตึงมากจนเคลื่อนไหวได้ไม่ดี ทำไมบางคนเกิดแผลเป็นนูนแต่บางคนไม่เป็น ยังไม่มีใครทราบสาเหตุที่แน่นอน แต่พบว่าปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ คนผิวดำเป็นมากกว่าผิวขาว แผลติดเชื้อ แผลที่มีสิ่งแปลกปลอม แผลที่มีเลือดคั่ง แผลที่ตึงมาก
การผ่าตัดเลาะรอยนูนออกโดยไม่มีวิธีการรักษาอย่างอื่นร่วมด้วย พบว่ามีโอกาสกลับมาเป็นใหม่มากกว่า 50 เปอร์เซนต์และอาจใหญ่กว่าเดิม
ปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาที่ได้ผลร้อยเปอร์เซนต์ แต่คุณแม่อาจลองวิธีทายาประเภทลบรอยแผลเป็นหรือแปะพลาสเตอร์ลบรอยแผลเป็นดูอาการระยะหนึ่งว่าดีขึ้นหรือไม่ หากยังไม่ดีขึ้นหรือแผลนูนมากขึ้น หมอแนะนำให้พาไปพบคุณหมอด้านผิวหนังเพื่อคุณหมอจะได้พิจารณาดูความเหมาะสมว่าควรได้รับการรักษาโดยการฉีดยาสเตียรอยด์ตรงตำแหน่งแผล หรือทำเลเซอร์ หรือจี้ด้วยความเย็น และหากลูกมีบาดแผลครั้งต่อไปควรแจ้งให้คุณหมอทราบว่าลูกเป็นแผลรอยนูนหรือคีลอยด์ได้ง่าย เพื่อคุณหมอจะได้แนะนำให้ใช้เจลบางอย่างหรือปิดพลาสเตอร์บางชนิด หรือการฉายแสงขนาดน้อยๆ เพื่อเป็นการป้องกันไว้ก่อน