
สงครามน้ำนม ตอน เล่นผิดบท พี่คิดว่าคนที่อินกับนมแม่มากๆ ไม่มีใครที่ไม่เคยทำสงครามน้ำนมในโซเชียล ขนาดน้องสาวพี่เป็นโสด ไม่มีลูก สมัยแรกๆ ที่ทำ Breastfeedingthai.com กันใหม่ๆ พี่ให้ช่วยแปลบทความเรื่อยๆ เขายังอินจนเรียกตัวเองว่าเป็น “นักรบนมแม่” เลย เท่าที่คลุกคลีอยู่ในวงการน้ำนมมาเกือบสิบปี พี่คิดว่ามันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยนะ แม่นมผงทะเลาะกับแม่นมแม่ด้วยประเด็นเดิมๆ เถียงกันไป เถียงกันมา กินมาม่ากันจนอืด ตั้งแต่พันทิปยุคแรกๆ เถียงกันยังไง ย้ายมาเฟซบุ๊คก็ยังเถียงกันเหมือนเดิม แรกๆ พี่ก็ร่วมวงด้วยนะ แต่หลังๆ คิดว่ามันไม่มีประโยชน์ก็เลยไม่ค่อยจะสนใจ เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่า จนเมื่อช่วงเดือนที่ผ่านมาที่มีแคมเปญผลักดันพรบ.ห้ามโฆษณานมผสม แล้วปรากฏว่าเราได้รายชื่อผู้สนับสนุนน้อยมากๆ เมื่อเทียบกับจำนวนคนเป็นแม่ที่มีอยู่ ทั้งๆ ที่พรบ. ฉบับนี้มันดีมากนะคะ มันจำเป็นต้องมีเพื่อปกป้องสิทธิเด็กทุกคน ถ้าเรามีพรบ. ฉบับนี้ได้ มันดีกับทุกครอบครัวไม่ว่าจะเลี้ยงลูกด้วยนมอะไร แต่คนที่เสียประโยชน์คือผู้ผลิตนมผสม แต่พอมีคนสนับสนุนน้อย พี่ก็เลยมานั่งๆ คิดว่าเป็นเพราะอะไร แล้วก็ได้ข้อสรุปว่าเป็นเพราะสงครามน้ำนมนี่แหละ ที่ทำให้แม่นมผงไม่ชอบอะไรๆ ที่เกี่ยวกับนมแม่ เรียกว่าแอนตี้ก็ว่าได้ นมแม่ก็แอนตี้นมผง นมผงก็แอนตี้นมแม่ พอพรบ.ออกมาว่าเพื่อปกป้องการให้นมแม่ แม่นมผงก็เลยไม่เอาด้วย ทั้งๆ ที่จะว่าไปแล้ว พรบ.นี้มันให้ประโยชน์แม่นมผงมากกว่าแม่นมแม่เสียอีก เพราะแม่นมแม่เขาเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ โดยไม่ต้องพึ่งนมผงอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเขาไม่เดือดร้อน แต่แม่ที่ต้องพึ่งนมผงต่างหากที่ต้องเสียเงินค่านมผงแพงๆ เพราะค่าการตลาด แจกตย.ฟรี ค่าคอมมิสชั่นแพทย์ พยาบาล ค่าพรีเซ็นเตอร์ดารา ทั้งหมดนี้ผู้ซื้อเป็นคนจ่ายค่ะ กลับมาที่เรื่องสงครามน้ำนมกันดีกว่า ข้อสังเกตหนึ่งที่พี่เห็นคือ หลังๆ นี้ พี่คิดว่าแม่นมแม่เล่นผิดบทกันเยอะมาก ผิดยังไง? ระหว่างนมแม่กับนมผงนี่ถ้าเป็นละคร เราคิดว่าใครควรจะเป็นนางเอกคะ ก็ต้องนมแม่ใช่มั้ยคะ แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสาเหตุอะไร อาจจะปั๊มนมจนเหนื่อยเกินไป เวลามีอะไรมากระทบ นางเอกมักจะระเบิดอารมณ์กันอย่างรุนแรง “พูดแบบนี้สงสัยโตมาด้วยนมควายแน่ๆ”
“สมัยเด็กๆ ไม่ได้กินนมแม่หรือไง”
“เป็นหมอ (พยาบาล) ภาษาอะไร มาจากดาวอังคารหรือไง”
จริงๆ มันมีรุนแรงกว่านี้นะคะ ยกตย.แค่เบาะๆ ละกัน คือเท่านี้พี่ก็คิดว่ามันไม่แปลกแล้วที่ใครๆ เขาจะว่าพวกเราว่าเป็นพวกคลั่งนมแม่ ลัทธินมแม่ อะไรทำนองนั้น แม้ว่าแม่นมแม่ส่วนใหญ่จะไม่เป็นแบบนี้ก็ตาม แต่เราต้องเข้าใจนะคะว่าอะไรที่มันดีๆ ข่าวดีๆ เรื่องดีๆ คนมักไม่ค่อยสนใจ คนจะสนใจเรื่องที่มันแย่ๆ เรื่องที่มันเลวร้ายมากกว่า สมมติว่าในโพสต์เดียวกันมีคนพูดด้วยเหตุผล 8 คน แต่มี 2 คนใช้ถ้อยคำรุนแรง คนที่อ่านก็จะโฟกัสแค่ 2 คนนั้น เหมือนที่เรามองเห็นจุดดำบนกระดาษขาวมากกว่า ก็เลยกลายเป็นลัทธินมแม่ไป ในขณะที่ฝ่ายนมผงเขาจะมาประมาณนี้นะคะ
“น้องกินนมแม่ดีที่สุดแล้วค่ะ แต่ถ้านมแม่ไม่พอเมื่อไหร่ ก็ใช้...เสริมได้นะคะ” “คุณแม่ตั้งใจเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ใช่มั้ยคะ ดีจังเลย บำรุงด้วย....นะคะ น้ำนมแม่จะได้มีคุณภาพ” “ให้นมน้องเอง เหนื่อยมากใช่มั้ย พักผ่อนไม่พอ ถ้าไม่ไหวให้....เสริมได้นะคะ คุณพ่อจะได้ช่วยดูแลได้ด้วย” ตัวอิจฉานะคะ เขาไม่เคยหลุดเลย คำน้อยเขาก็ไม่เคยว่านมแม่ไม่ดี เขามาเนียนๆ แล้วก็ดึงคะแนนไปสวยๆ ในขณะที่ฝ่ายเรารบมาตั้งนาน ยังเอาชนะเขาไม่ได้ เราควรจะเปลี่ยนกลยุทธ์มั้ยคะ คือพี่จะบอกว่าเราเป็นนางเอก เราต้องอดทนให้มากกว่านี้นะคะ อย่าให้เสียลุค ไม่งั้นเราก็จะโดนตัวอิจฉาแย่งซีน ต่อไปนี้ถ้ามีอะไรมากระทบก็นับหนึ่ง สอง สาม แล้วก็ Action! “อะไรนะคะ นมแม่ 6 เดือนเหมือนน้ำเปล่า ไม่จริงค่ะ ข่าวลือ ลือมาหลายปีแล้วค่ะ ช่วยแก้ข่าวด้วยนะคะ นมแม่มีคุณค่าตลอดเวลา องค์การอนามัยโลกให้กินอย่างน้อยสองปี หรือจะกินจนฟันแท้มายิ่งดีเลยค่ะ” “นมไม่พอเหรอคะ พยายามทุกอย่างแล้วใช่มั้ยคะ มันก็ยากจริงๆ ล่ะนะ เข้าใจค่ะ ไม่เป็นไรค่า ไม่ต้องเสียใจนะคะ ท้องหน้าลองใหม่ก็ได้ หรือถ้าเปลี่ยนใจ มีอะไรให้ช่วยก็บอกนะค้า” “จะให้เสริมนมผงเหรอคะ คุณหมอต้องล้อเล่นแน่ๆ เลย เพจป้าหมอบอกว่ามีหมอบางคนรับเงินจากบ.นม หนูว่าคุณหมอไม่ใช่คนแบบนั้นหรอกใช่มั้ยคะ ^_^” เวลาเห็นใครเล่นผิดบท เราก็ต้องช่วยกันเตือนนะคะ อย่าไปผสมโรงด้วย อนาคตของนมแม่ อยู่ในมือเราทุกคนค่ะ ต้องช่วยกัน ^_^ |