“หมอจบอะไรมา” เป็นประโยคยอดฮิตที่แม่นมแม่สายแข็ง (เรียกกันแบบนี้ใช่มั้ยคะ หมายถึงแม่ที่มีความรู้เรื่องนมแม่แน่นปึ้ก ไม่วอกแวกไม่ว่าจะถูกสกัดดาวรุ่งขนาดไหน) มักจะชอบถาม เวลาที่มีใครสักคนมาเล่าให้ฟังว่า พาลูกไปหาหมอแล้วหมอบอกว่า “นมแม่ 6 เดือน ไม่มีประโยชน์แล้ว” หรือ “ยังกินนมแม่อีกเหรอ เปลี่ยนเป็นนมผงได้แล้ว”
เราถามแบบนี้ เพราะเราคิดว่าหมอควรจะต้องรู้เรื่องนมแม่ดีกว่านี้ใช่มั้ยคะ แต่พวกเรามีใครทราบไหมคะว่าจริงๆ แล้วหลักสูตรที่พวกหมอๆ เรียนกันจนจบมาเป็นหมอนั้น แทบไม่ได้เรียนอะไรเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เลย
ถ้าเป็นสายแข็งจริง น่าจะเคยรู้จักหรือได้ยินชื่อ Dr. Jack Newman กูรูนมแม่ชาวแคนาดากันบ้างนะคะ Dr. Jack เขียนเล่าในหนังสือว่า สมัยที่เขาเรียนแพทย์นั้นไม่มีการพูดถึงการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เลย
มีการเรียนเรื่องการให้อาหารทารกบ้างนิดหน่อย กับสอนวิธีทำนมผงสำหรับทารก ใช้เวลาในการเรียนประมาณ 1 คาบ 
แถมด้วยการประชดประชันว่า... การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่นั้นช่างไร้ความสำคัญจนกระทั่งไม่มีคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำในข้อสอบปลายภาค
Dr. Jack เล่าว่าตอนที่เรียนปี 4 ได้ออกตรวจคลินิกหลังคลอด แล้วก็ต้องตรวจเช็คมดลูกและทรวงอกของคนไข้ ในระหว่างที่ตรวจทรวงอกนั้น น้ำนมของคนไข้ก็พุ่งออกไปไกลประมาณ 1 หลา Dr. Jack ถึงกับตะลึง เพราะเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีอะไรแบบนี้ด้วย เพราะในหลักสูตรไม่มีสอน
พี่จะบอกว่าในเมืองไทยก็ไม่ต่างกันค่ะ ในช่วงไม่กี่ปีหลังมานี้ น่าจะมีการบรรจุหลักสูตรนี้เข้าไปบ้างแล้ว แต่ก่อนหน้านี้ เอาเป็นว่าหมอดังๆ ที่อยู่ในวัย 30 ปลายๆ หรือ 40 up ถ้าไม่ได้มีประสบการณ์ตรงกับตัวเองคือเลี้ยงลูกด้วยนมแม่มาก่อน ส่วนใหญ่ก็ไม่มีใครรู้เรื่องนมแม่แทบทั้งนั้นค่ะ
เนื่องจากการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นเรื่องธรรมชาติ และเป็นทักษะที่มนุษย์แต่ละรุ่นถ่ายทอดประสบการณ์ต่อ ๆ กันมา ดังนั้นในหลักสูตรแพทย์จึงไม่มีวิชาที่สอนเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ หรือวิธีช่วยเหลือและแก้ปัญหาให้แม่ที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่
กุมารแพทย์เรียนรู้เฉพาะเรื่องสุขภาพและความเจ็บป่วยของทารก และการรักษาอาการเจ็บป่วยเหล่านั้น เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกที่หมอส่วนใหญ่มักไม่ค่อยรู้ และไม่สนใจเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
เมื่อแม่มือใหม่ไม่รู้ว่าจะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างไร หรือเข้าใจผิดว่าตัวเองไม่มีน้ำนม กุมารแพทย์ซึ่งไม่ได้เรียนเรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จากหลักสูตร และไม่เคยมีประสบการณ์จากการเลี้ยงลูกด้วยนมตนเองมาก่อน ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยแม่เหล่านั้นได้อย่างไร นอกจากสั่งนมผงให้
ยิ่งไปกว่านั้นกุมารแพทย์บางส่วนก็ได้รับข้อมูลด้านเดียวจากบริษัทผู้ผลิตว่า นมผงรุ่นใหม่ดีอย่างไร มีการจัดประชุม พาไปดูกระบวนการผลิต เผยผลการวิจัยแต่ด้านดีซึ่งจัดทำโดยผู้ผลิตเอง
ทำให้แพทย์ส่วนใหญ่รู้สึกว่านมผงหรือนมแม่ก็ไม่ต่างกัน
เมื่อรู้ดังนี้แล้ว ต่อไปเราก็ควรจะเลิกถามว่า “หมอจบอะไรมา” กันได้แล้วนะคะ แต่สิ่งที่ควรทำก็คือ เขียนใบแสดงความคิดเห็น (เดี๋ยวนี้มีทุกรพ.ค่ะ) ว่า
----------------------------------------------------------------------
“เรียน ผู้อำนวยการ รพ.......”
เนื่องจากนมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก องค์การอนามัยโลก
จึงแนะนำให้ทารกกินนมแม่อย่างเดียวนาน 6 เดือน
โดยไม่จำเป็นต้องให้น้ำหรืออาหารอื่น
และให้กินนมแม่ร่วมกับอาหารปกติต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อยสองปี
แต่อย่างไรก็ตาม วันนี้ดิฉันได้พาลูกมาพบคุณหมอ (คุณพยาบาล)....
คุณหมอ (คุณพยาบาล).... บอกกับดิฉันว่า 6 เดือนแล้ว นมแม่ไม่มีประโยชน์
ซึ่งเป็นคำพูดที่เลื่อนลอย ไม่จริง และไม่มีหลักฐานรองรับ
จึงขอแจ้งให้ทราบว่าเป็นความจำเป็นเร่งด่วนที่ทางรพ. ควรจะดำเนินการ
อบรมบุคคลากรให้มีความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
เพื่อไม่ให้เสื่อมเสียต่อชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของรพ.อีกต่อไป
---------------------------------------------------------------------
ถ้าเรารู้เห็น แล้วไม่ทำอะไร ก็เท่ากับเรายอมรับ บุคคลากรท่านนั้นก็จะพูดเหมือนเดิม ความเข้าใจผิดๆ ก็จะแพร่ต่อไปไม่จบสิ้น การที่เราร้องเรียนก็เพื่อให้เขารับรู้ว่า สิ่งที่เขาพูดนั้นมันไม่ได้รับการยอมรับ
อย่างน้อยก็เราคนหนึ่ง
คนๆ เดียวอาจจะเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ แต่หลายๆ คนช่วยกัน สักวันต้องสำเร็จค่ะ
#MakeTheDifference