บทความโดย พญ.สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ https://www.doctorbreastfeeding.com/
1. จัดบ้านให้สงบ ได้แก่ ไม่ตะโกนใส่ลูก เวลาลูกไม่เชื่อฟัง หรือ เวลาที่ลูกไม่ยอมนั่งทำการบ้านดีๆ แต่แน่นอนว่าพ่อแม่ทุกคนย่อมมีโอกาสหมดความอดกลั้นเป็นบางครั้ง พ่อแม่ทุกคนเคยตะโกนใส่ลูกมาแล้วทั้งสิ้น หากเกิดขึ้น ให้คุณขอโทษลูกและแสดงให้ลูกรู้ว่า คุณยังรักเขาเหมือนเดิม โดยที่อธิบายให้ลูกเข้าใจว่า แม่ไม่ได้ไม่พอใจลูก แต่เป็นที่การกระทำของลูกต่างหาก
2. จำกัดสื่อทุกชนิดในบ้าน เด็กหลายคนไม่สามารถตัดเสียงรบกวนขณะที่กำลังใช้ความคิดได้เหมือนผู้ใหญ่ เช่น การเปิดทีวีขณะลูกทำการบ้านอยู่ จะทำให้ลูกไม่มีสมาธิ ควรจำกัดเวลาในการดูทีวี เกมส์คอมพิวเตอร์ โปรแกรมบันเทิงต่างๆ ไม่เกินวันละ 1 ชม. สมาคมกุมารแพทย์ของอเมริกาเตือนว่า การดูทีวีในเด็กเล็กสัมพันธ์กับการทำให้เด็กเป็นโรคสมาธิสั้น และแนะนำว่าไม่ให้พ่อแม่มีทีวีในห้องนอนของลูก และอย่าเปิดทีวีทิ้งไว้หากไม่ได้คนดู
3. พาลูกไปตรวจการได้ยินและตรวจสายตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากลูกเริ่มมีปัญหาการเรียน เพราะหากเด็กมีปัญหามองไม่ชัดหรือไม่ได้ยิน ส่วนใหญ่จะมาบอกผู้ใหญ่ไม่เป็น หลายครั้งพบว่า เด็กที่คุณครูคิดว่าเป็นเด็ก สมาธิสั้น ที่จริงแล้วเป็นเพียงเด็กที่มีปัญหาสายตาไม่ดี
4. อย่าทะเลาะกัน หรือ โต้เถียงกันเรื่องลูก ให้ลูกเห็น เพราะจะทำให้ลูกเครียด กลัวว่าจะเป็นต้นเหตุที่ทำให้พ่อแม่มีเรื่องกัน หรือ หย่าร้างกัน
5. ใช้เวลาคุณภาพกับลูกทุกๆวัน แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ เช่น อ่านหนังสือด้วยกัน เล่นเกมส์กระดานหมากฮอส ระบายสีหรือทำศิลปะหัตถการ หรือ อาจเป็นกิจกรรมนอกบ้าน เช่น บาสเกตบอล เทนนิส ไปวิ่งเล่นในสวน
6. มีกฎระเบียบที่แน่นอน คงเส้นคงวา โดยพ่อแม่ต้องตกลงไปในทิศทางเดียวกัน ไม่ขัดแย้งกัน เพื่อไม่ให้ลูกสับสน
7. ให้ลูกเล่นกีฬา เพื่อใช้พลังงานที่มีไม่จำกัดของเด็กไฮเปอร์ ยกตัวอย่าง เช่น นักกระโดดน้ำเหรียญทองโอลิมปิค Michael Phelps เป็นโรคสมาธิสั้น หลังจากกินยาต่อเนื่องมา 4 ปี พบว่ายาไม่ช่วยอะไร จึงปรึกษาแพทย์ ค่อยๆหยุดยา แล้วใช้วิธีปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดยใช้พลังงานอันมีเหลือเฟือไปกับการฝึกว่ายน้ำจนประสบความสำเร็จในที่สุด