บทความโดย พญ.สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ https://www.doctorbreastfeeding.com/
1.อย่าใช้จุกหลอก
หลังจากผ่านไป 1 สัปดาห์ ที่ฉันไม่ยอมใช้จุกหลอก แต่ในที่สุด ฉันก็ตระหนักว่าจุกหลอกช่างดีเหลือหลาย เวลาที่จับเสียบเข้าไปในปากของลูกที่นอนอยู่ในเตียงท่ามกลางความมืด เวลาที่ลูกกรีดร้องกลางดึก มันได้ผลดีมากๆในลูกคนแรก วันที่ไปคลอดคนที่สอง ฉันจึงเตรียมจุกหลอกไปด้วย แต่มันไม่ได้ผลกับลูกคนที่สอง ไม่ว่าฉันจะอ้อนวอนลูกอย่างไร ลองทุกยี่ห้อ ทุกรูปแบบ หรือ เอามาจุ่มนมแม่เพื่อหลอกให้ลูกยอมดูด ก็ไม่ได้ผลเลย ลูกไม่ยอมให้ฉันหลอก
2.อย่าให้ลูกนอนเตียงเดียวกัน
คืนที่สองหลังคลอด คุณพยาบาลแนะนำให้พาลูกที่ร้องไห้มากไปฝากที่ห้องเนอสเซอรี่ เพื่อฉันจะได้นอนพัก ฉันตกลงแล้วมองตามเธอเข็นลูกออกไป ในใจรู้สึกเหมือนถูกพรากลูกไป 15 นาทีต่อมา ฉันทนคิดถึงลูกไม่ไหว จึงเดินไปเอาลูกกลับมานอนอยู่ด้วยกัน และฉันสัญญากับตัวเองว่า ก็แค่คืนนี้เท่านั้นที่ลูกจะนอนกับฉัน อะแฮ้ม... คุณทราบความรู้สึกของการไม่ได้นอนและต้องตื่นบ่อยๆ เป็นเวลาต่อเนื่องนาน 3 เดือนไหม มันเป็นภาพลอยๆ จำอะไรไม่ได้ชัดเจนว่า ได้วางลูกกลับไปที่เตียงเด็กไหม เอ๊ะ ลูกอยู่ที่ไหน ครั้งที่แล้วให้ลูกกินหรือยัง หรือ แค่เปลี่ยนผ้าอ้อม ให้กินกี่ข้างนะ ให้ซ้ำข้างเดิมหรือเปล่า ทำไมลูกร้องหล่ะ ชู่ว์ๆๆ อุ้มๆๆ โยกๆๆ ชู่ว์ๆๆ โอ้ว อุ้มไม่ไหวแล้ว วางลูกไว้บนเตียงนี่แหล่ะ นั่นแหล่ะค่ะ คือเหตุผลที่ฉันทำข้อสองไม่สำเร็จ อีก 8 ปีต่อมา ลูกวัย 5 และ 8 ขวบ ก็ยังผลัดกันมานอนบนเตียงเดียวกัน หรือ บางครั้งก็มาพร้อมกันเลย ก็อบอุ่นดี แต่แน่นเตียงไปหน่อย
3.อย่าตามใจลูก อย่าต่อรองกับลูก เพราะในทุกสงคราม ลูกต้องเรียนรู้ว่า ใครใหญ่กว่าใคร
อะฮ้าๆๆๆ ร่างกายฉันจะแตกเป็นเสี่ยงๆอยู่แล้ว เพราะสงครามมีเยอะมาก มีแพ้มีชนะ // โอเคลูก ลูกจะใส่ชุดว่ายน้ำทับชุดเอี๊ยมไปเที่ยวก็ได้ เพราะมันก็ดูเข้ากันดีกับรองเท้าบู๊ธ // อะไรนะ ทำไมจะไม่ได้หล่ะลูก ลูกจะเอาหมีเท็ดดี้ 10 ตัวไปนอนด้วยกันกับลูกก็ได้ เพราะหมีจะเสียใจถ้าไม่ได้อยู่กับลูก// แน่นอนจ้ะ ลูกไม่กินขนมปังปิ้งก็ได้ เพราะไม่พอใจที่แม่ดันตัดเป็นรูปสามเหลี่ยมแทนที่จะเป็นสี่เหลี่ยมอย่างที่ลูกต้องการ แม่เข้าใจจ้ะ ว่ารสชาติมันไม่เหมือนกัน แต่ลูกอย่าโกรธแม่นะจ๊ะ // ทั้งหมดที่กล่าวมา ไม่ใช่การต่อรอง ฉันไม่ได้ทำผิดกฎใช่ไหม
4.อย่าใช้อาหารเป็นสินบน
เอิ่มม เพราะอะไร ถึงห้ามหล่ะ ข้อนี้ฉันไม่ค่อยเข้าใจ รู้แต่ว่าเวลาต้องการให้ลูกให้ความร่วมมือ บิสกิต คัพเค้ก แครกเก้อร์ ช่วยได้เยอะเลย
5.ให้ลูกกินอาหารปลอดสารพิษ สารเคมี
ส่วนใหญ่ก็เป็นไปตามนี้นะ นานๆก็มีแมคโดนัลด์สักครั้ง
6.ไม่ให้ลูกดูทีวีเกิน 30 นาทีต่อวัน
แต่บางครั้งก็เกิน เพราะแม่ต้องคุยโทรศัพท์ หรือ เตรียมอาหารเย็น หรือ เข้าห้องน้ำ หรือ นั่งพักเงียบๆสักแป๊บนึง แล้วทีวีสมัยนี้ ก็มีรายการเด็กทั้งวันที่ไม่มีโฆษณาแทรก ฉันว่าทีวีเป็นพี่เลี้ยงเด็กที่ราคาถูกที่สุด (แต่ไม่ดีนะ อย่าเลียนแบบ)
7.อย่าให้ลูกตื๊อซื้อขนมตรงช่องที่จ่ายเงิน
ฉันจะไม่ซื้อให้เด็ดขาด ยกเว้นแต่ ตอนที่มีคนมองอยู่เต็มไปหมดพร้อมสีหน้าหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะอมยิ้ม ขมวดคิ้ว เห็นอกเห็นใจเด็ก เจ็บปวดที่เห็นเด็กร้องไห้// แต่เดี๋ยวก่อนนะ มันเป็นแบบนี้ทุกครั้งเลยนี่นา
8.บ้านสะอาดเรียบร้อย เพราะฉันควบคุมสถานการณ์ได้ตลอดเวลา มันง่ายมากที่ต้องดูแลเด็กๆและจัดบ้านให้เป็นระเบียบเรียบร้อยไปพร้อมๆกัน
ครั้งหนึ่ง ขณะที่กำลังให้ทีวีเป็นพี่เลี้ยงดูแลลูกอยู่ ฉันเม้าท์มอยทางโทรศัพท์กับเพื่อนสาวโสดผู้รักความเป็นระเบียบเรียบร้อยอย่างที่สุด เธอเล่าว่า เธอใช้เวลาครึ่งวันเช้า ทำความสะอาดบ้านจนหมดจด สะอาดจนแทบจะเลียได้เลย ฉันมองไปรอบๆบ้านตัวเอง แล้วตอบเธอว่า ถ้าเธอมาบ้านฉัน ที่เดียวที่เธอจะเลียได้ ก็ตัวฉันนี่แหล่ะ เพราะตอนนี้กำลังมีเศษอาหารติดอยู่บนตัวพอดีเลย
9.อย่าตะโกนใส่ลูก เพราะแสดงว่าคุณกำลังควบคุมอารมณ์ไม่ได้ เป็นแม่ที่ยังไม่เก่งพอ
ฉันพยายามอดกลั้น ไม่ตะโกนใส่ลูก แต่จะใช้วิธีตะโกนใส่ทีวี ใส่คนขับรถปาดหน้า ใส่แม่ พี่สาว น้องชาย และสามี ใส่ห้องนั่งเล่นเวลาที่มันรกและหาความเป็นระเบียบไม่ได้เลย ใส่วัชพืชที่ดึงจากพื้นดินไม่ออก ใส่ตู้เก็บของเวลากาแฟหมด แต่จะเป็นไปได้ไหมที่ฉันจะไม่ตะโกนใส่ลูกที่กำลังอึกทึกเสียงดังกวนประสาทอยู่ข้างๆ หลังจากตะโกนเสร็จ ลูกเงียบไปได้นาน 2 นาที แล้วก็กลับมาทำเสียงดังหนวกหูเหมือนเดิม จริงๆแฮะ มันไม่ได้ผล
10.การมีลูก เป็นการเติมเต็มชีวิตและกิจวัตรประจำวัน ทำให้ชีวิตสมบูรณ์แบบและลงตัวมากขึ้น //โอ้ๆๆ หยุดพูดดีกว่า