
นมแม่ เพิ่มพลัง เพิ่มพัฒนาการ ![]() จ๊วบ จ๊วบ… เล่นหลับตาพริ้มปากจดจ่ออยู่กับนมแม่อย่างมีความสุขนี้ ใครเลยจะอดยิ้มได้ ก็คงเป็นอย่างที่รู้มาว่า เด็กคนไหนได้กิน นมแม่ แล้วจะเลี้ยงง่าย สุขภาพดี แถมมีพัฒนาการเต็มร้อยในทุกด้าน เรียกว่า นมแม่ เป็นจุดกำเนิดพลังชีวิตของเจ้าตัวน้อยจริงๆ ใครๆ ก็รู้นะคะว่า นมแม่ มีคุณค่านานับปการ และเป็นอาหารอย่างแรกที่ผ่านเข้าสู่ร่างกายลูก นมแม่ ไม่ได้ดับความหิวกระหายเพียงเท่านั้น แต่ว่าเป็นตัวแปรสำคัญในการเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์ทั้งร่างกาย และจิตใจ อาหารเด็กชนิดไหนที่ว่าแน่ก็ต้องชิดซ้าย ก็เพราะในน้ำนมแม่มีความสมดุลของแร่ธาตุต่างๆ ที่ลูกต้องการอย่างพอเหมาะ ไม่น้อยไป ไม่มากไป รสชาติก็กำลังดี (อันนี้แม้จะจำไม่ได้แล้ว แต่ดูท่าเจ้าหนูบอกได้เลยว่าเยี่ยม!) รวมทั้งสารอาหารสำคัญอย่างธาตุเหล็กที่เด็กวัยแรกเกิดต้องการมากกว่าวัยใด อีกทั้งธาตุเหล็กในน้ำนมแม่นั้น เด็กจะสามารถดูดซึมได้ดีกว่านมวัว หรือแม้แต่โปรตีนสำคัญอย่าง เวย์ (whey) และ เคซีน (casein) ก็มีสัดส่วนที่เหมาะสำหับทารกมากกว่านมวัว แถมนมแม่ยังมีภูมิคุ้มกัน โดยที่นมอื่นๆ ไม่มีอีกด้วย เรียกว่าหากเทียบคุณค่าทางโภชนาการหมัดต่อหมัดแล้ว อาหารของเด็กแรกเกิดไม่มีอะไรดีเท่าเทียมนมแม่แน่ และที่แน่ยิ่งกว่าคือไม่เพียงคุณค่าทางโภชนาการที่ว่าไปเท่านั้น นมแม่ ยังสร้างสรรค์พัฒนาการดีๆ ให้ลูกด้วย พลัง…อารมณ์และจิตใจ การให้ นมแม่ และนมวัวแก่ทารก ไม่ได้มีความแตกต่างกันที่โภชนาการเท่านั้น แต่เด็กยังได้รับการพัฒนาทางอารมณ์และจิตใจที่ดีต่างกันด้วย คุณแม่หลายคนอาจคิดว่ามันเกิดขึ้นเพราะอะไร ทั้งๆ ที่เราก็เป็นคนให้นมขวดเขากับมือ อุ้มแนบอกก็เหมือนกันกับการให้นมแม่นั่นแหละ… ความจริงก็คือ เด็กวัยนี้เขาแยกเรื่องง่ายๆ ออกแล้ว อย่างเปรียบเทียบหัวนมแม่ หรือจุกนมขวดก็จะมีความนิ่ม ความอุ่น กลิ่นและการสัมผัสต่างกัน เด็กจึงรู้สึกดี ปลอดภัย รัก และผูกพัน อุ่นใจกับ นมแม่ มากกว่า เพราะการให้นมแม่แต่ละครั้งมีการโอบกอดลูกแนบอก เด็กจะได้ยินเสียงหัวใจแม่เต้น ซึ่งเป็นเสียงที่คุ้นเคยเหมือนได้อยู่ในท้องแม่อีกครั้ง แน่นอนความสุขใจ ความไว้เนื้อเชื่อใจ ความอบอุ่น จะถูกปลูกฝังไว้ในวัยแรกเริ่มของชีวิต ฉะนั้น ชีวิตในวันข้างหน้าของเด็กก็จะมีความมั่นคงทั้งทางอารมณ์ และจิตใจ เลี้ยงง่าย ทั้งหมดนี้เพราะการเริ่มต้นที่ดีด้วยนมแม่ไง… พลังสมอง…ต้องพัฒนา สมองเป็นอวัยวะที่ถูกสร้าง และพัฒนามาตั้งแต่อยู่ในครรภ์แล้ว เมื่อเด็กคลอดออกมา และได้รับการกระตุ้นที่เหมาะสม (เช่น การกอด การพูดคุย) บวกกับกินนมแม่ สมองก็จะถูกพัฒนายิ่งขึ้นไปอีก เด็กจะมีสติปัญญาดี เมื่อเทียบกับเด็กในระดับสติปัญญาเท่ากัน เด็กที่กินนมวัว สมองจะพัฒนาได้ดีแต่ไม่เท่ากับเด็กที่กินนมแม่ค่ะ นมแม่ จึงเป็นสิ่งที่ธรรมชาติคัดสรรแล้ว ว่าดีที่สุดสำหรับสมองของเด็กทารก เนื่องจากสารทอรีน (taurine) ซึ่งไม่มีในนมวัว แต่มีมากในนมแม่ มีส่วนช่วยพัฒนาสมองได้โดยตรง ประโยชน์ของสารนี้ช่วยในการเจริญเติบโตของระบบจอประสาทตา ทำให้เซลล์สมองขยายตัวได้อย่างเหมาะสม ทั้งยังมีงานวิจัยจากประเทศต่างๆ อีกมากมายที่กล่าวขานว่า เด็กที่ดื่มนมแม่ใน 6 เดือนแรก จะมีเชาว์ปัญญาสมบูรณ์ และเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้เร็วจริง ซึ่งปัจจุบันมีนมผงดัดแปลงพยายามดัดแปลงและเติมสารนี้ให้ใกล้เคียงกับนมแม่แล้ว แต่ว่ายังไม่เทียบเท่า… สร้างสรรค์พลังทั้งร่างกาย กลิ่น : เด็กจะเรียนรู้จากกลิ่นตัวของแม่เป็นอันดับแรก ซึ่งเกิดจากการโอบกอดให้นมลูกอย่างใกล้ชิด เด็กจะค่อยๆ จำกลิ่นได้ ไม่ว่าแม่จะอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ หรือว่าเพิ่งกลับมาจากทำงาน เขาจะเริ่มเรียนรู้ว่าเมื่อไรที่ได้กลิ่นแม่ ไม่ช้าเขาก็จะได้กินนม หรือจะมาอุ้มเขาเล่นนั่นเอง กล้ามเนื้อแขน ขา : การที่เด็กดื่มนมแม่แล้วใช้กล้ามเนื้อได้ดีกว่าเด็กที่ดื่มนมวัวนั้น เป็นเพราะการได้โภชนาการที่ถูกสัดส่วน รวมทั้งการเอื้อมแขนจับ และเล่นกับแม่เวลาที่ให้นมอย่างใกล้ชิด จึงทำให้การเคลื่อนไหวของลูกมีพัฒนาการที่ดีขึ้นทุกวัน อธิบายขนาดนี้แล้ว เชื่อหรือยังคะว่านมแม่มีคุณค่าต่อพัฒนาการเจ้าหนูมาก จึงไม่อยากให้โอกาสทองช่วงปีแรกนี้หลุดลอยไป แต่หากคุณแม่คนไหนมีเหตุจำเป็นไม่สามารถอยู่บ้านให้นมลูกได้ ก็ขอให้ปั๊มนมแม่เก็บแช่ตู้เย็นไว้ พยายามให้ลูกได้กินนมของเรามากที่สุด อย่าเพิ่งท้อนะ เพราะว่าเราเอาใจช่วยคุณอยู่ค่ะ…
[ ที่มา..นิตยสารดวงใจพ่อแม่ ปีที่ 8 ฉบับที่ 94 สิงหาคม 2546 ]
|